@ ผมเคยคิดว่า ปชป.แม้จะเป็นรัฐบาลไม่ได้ แต่ก็เป็นฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ ดังนั้นผมจึงคิดว่า...
@ เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00... ตอนที่ 8...กลับไปทำงาน 2 job ใหม่ กลับเมืองไทยครั้งแรกหลังจากที่จากมาแล้วเกือบสิบปี เริ่มค้าขาย ชีวิตหักเหอีกครั้ง
@ "ดิฉันวินิจฉัยแล้ว ไม่มีหรอกค่ะโรคขี้ข้าทักษิณ มีแต่โรคอยากกลับมาเป็นนายกฯ โดยไม่ต้องชนะเลือกตั้งทักษิณ"
@ ภาพรวมในความคิดผม หนึ่งวันก่อนตัดสินจนถึงยกคำร้อง
@ ข้อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเพื่อยกเลิกศาลรัฐธรรมนูญและจัดตั้งคณะตุลาการพิทักษ์ระบอบรัฐธรรมนูญ
@ นกแก้วตัวนั้น?
@ มีคนเขาบอกว่า ผมถูกหลอก
@ สามก๊กภาคพิสดาร (การเมือง)
@ แม่หมาขี้เรื้อนตัวนั้น... ใครอ่านแล้วต่อมน้ำตาไม่แตก E-mail มารับรางวัล
@ "มาร์ค" ร้องสะอึก..สะอื้น ฟ้องสื่ออ้างแดงเชียงใหม่จงใจทำร้าย ทั้งทุบ ทั้งตี และปาหินใส่รถยนต์
@ หัวเชือกวัวชน...
@ แชมป์’กินไม่ได้...
@ Free WiFi ทั่วประเทศ เปิดแล้ววันนี้ (3สิงหาคม2555)
@ คนไทยบางกลุ่มใจแทบสลาย เมื่อทักษิณบินอเมริกา...
@ Clipยกต่อยก..."แก้ว"โดนปล้น แต่"แก้ว"คือ"ฮีโร่"ของคนไทย
@ อึ๋ยส์!! ที่นั่นมันไม่ใช่ตอแหลแลนด์นะเฟ้ย...
@ โครงการแจกแท็บเล็ตให้เด็ก ป.1 ของนายกฯปู สร้างอัจฉริยะสุดคุ้ม
@ เจอของจริงแกล้งเฉไฉ เฮ้อ!! แถแบบนี้...ผมบายดีกว่า กลัวติดเชื้อ"โรคกลัวความจริง"
@ กะเทาะหัวใจ "ยิ่งลักษณ์" 1 ขวบปีกับบทบาทผู้นำประเทศ
@ ไป ๆ มา ๆ ชักจะออกอาการ "สุนัขจนตรอก"
@ หนึ่งปี รัฐบาลยิ่งลักษณ์ "ทุกข์ประชาชนหรือฝ่ายค้าน"
@ 1ปี รัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้คืนความสุขกับผมมากมายเลยครับ
@ อีกปีสองปี สถานการณ์เปลี่ยน..มึงซวยทั้งชีวิตแน่ๆ...
คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น @ โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...
สาเหตุที่มึงป่วย...เพราะ...โง่...
By: songvit เครดิต kosodor ครับ
เพื่อนรักที่เป็นผู้บริหารที่กสิกรไทย...แวะมาหา...เป็นเพื่อนรุ่นน้อง...เคยบริหารห้างสรรพสินค้ามาด้วยกัน...ไม่ได้เจอกันนานมาก...ก็คุยกันอย่างสนุกสนาน...ออกรสออกชาติ...
สักครู่เพื่อนบอกว่า...พี่...ผมมีเรื่องจะปรึกษา...ผมเบื่อ...ผมไม่อยากอยู่...ผมไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร...
อ้าว...เฮ้ย...ทำไมถึงคิดยังงี้วะ...?
เพื่อนผมคนนี้...เป็นคนที่เก่งมาก...ความเชื่อมั่นในตัวเองเกินร้อย...เป็นคนเก่งระดับที่...บริษัทต่างๆไล่ล่าตัว...แต่วันนี้...มันอยากตาย...
ผมบอกมันว่า...มึงเป็นโรคซึมเศร้าแล้ว...ลาออกจากงานด่วน...ออกจากสภาพแวดล้อมเดิมๆ...ไปหาที่อยู่ใหม่...ไปหาเพื่อนใหม่...ไปหาสภาพแวดล้อมใหม่...ที่มึงชอบ...ถึงจะแก้ปัญหาได้...
พี่รู้ได้ยังไง...ว่าผมเป็นอะไร...?
กูนั่งมองสภาพงานมึงมา 10 กว่าปีแล้ว...กูรู้ว่า...วันหนึ่งจะต้องมีวันนี้...แต่กูไม่คิดว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้...
เพื่อนผมเป็น...คนคุมระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด...ทุกคน...ทุกแผนก...ทุกฝ่าย...ก็เอาปัญหามาประเคนให้ทุกวัน....ปัญหากองท่วมหัว...ทำไม่ทัน...
ขอคนเพิ่ม...ก็ไม่ได้...ขอเครื่องมือที่มันทันสมัยเพิ่ม...ก็ไม่ได้...กลับถูกด่า...หาว่าผลาญแต่เงิน...
แก้ปัญหาให้ไม่ทันใจมัน...ทุกคนก็รุมด่า...รุมประณาม...เหยียดหยาม...ว่า...ไม่ได้เรื่อง...เฮงซวย...ไม่เอาอ่าว...ไม่มีฝีมือ...
ยิ่งตำแหน่งใหญ่ขึ้น...ความรับผิดชอบมากขึ้น...กว้างขึ้น...เสียงด่าก็ทวีจำนวนขึ้น...รุนแรงมากขึ้น...ลึกซึ้งและเจ็บปวดขึ้น...มันกระหน่ำด่าอย่างสาดเสียเทเสียมา 15 ปี...ติดต่อกัน...
ความเก่ง...ความเชื่อมั่นในตัวเองที่เคยมีเกินร้อย...ค่อยๆหดหายไปทีละน้อยๆ...จนหมด...แล้วค่อยๆติดลบ...จนในที่สุด...ขาดความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง...
คิดว่ากูไม่ได้เรื่อง...กูไม่เอาอ่าว...กูไม่มีฝีมือ...กูเฮงซวย...กูไร้ค่า...เพราะคำด่าเหล่านี้มันก้องอยู่ในหู...วันละ 24 ช.ม...ทุกวัน...ติดต่อกันมา 15 ปีแล้ว...มันด่าจนตัวเองเชื่อว่าสิ่งที่เขาด่า...คือคุณสมบัติของเรา...
มันพยายามรักษา...กินยาอยู่นาน...อาการขึ้นๆลงๆ...กินยาเสร็จ...ดีขึ้น...ยาหมดฤทธิ์...เป็นอีก...กินยาอีก...ดีขึ้น...ยาหมดฤทธิ์...เลวเหมือนเดิม...รักษามานานวัน...นอกจากจากไม่หายแล้ว...อาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ...จนในที่สุดเบื่อชีวิต...เลยแวะมาหาผม...
ผมบอกว่า...การรักษาด้วยยา...เป็นการรักษาที่ปลายเหตุ...มันไม่มีทางหาย...
เหตุที่ทำให้เกิดอาการป่วย...มันเกิดใหม่ทุกวัน...เกิดเพิ่มทุกวัน...เราพยายามตักออก...พยายามตักทิ้ง...แต่ตักไม่ทัน...ของเก่ายังตักทิ้งไม่หมด...ขยะใหม่เพิ่มเข้ามาอีกแล้ว...แถมเพิ่มเยอะขึ้น...แล้วเพิ่มไม่หยุด...เพิ่มต่อเนื่องทุกวัน...
วิธีแก้ปัญหา...คือ...ต้องหยุดเพิ่มปัญหา...หยุดเพิ่มขยะ...เข้ามาในชีวิต...พอหยุดการเพิ่มได้แล้ว...ขยะไม่ไหลเข้าได้แล้ว...ก็รีบตักขยะเก่าออก...ให้เร็วที่สุด...พอขยะออกหมดแล้ว...ร่างกายจิตใจปกติแล้ว...ก็เติมภูมิต้านทานความเครียดเข้าไป...ด้วยการปฏิบัติธรรม...
ฟังคำแนะนำผมจบ...เพื่อนรีบไปลาออกจากงาน...เดินทางไปอยู่กับพี่สาวที่ออสเตรเลีย 3 เดือน...ขยะหมด...ร่างกายจิตใจดีขึ้นเป็นปกติ...กลับมาเมืองไทย...ไปปฏิบัติธรรม...10 วัน...ออกจากปฏิบัติธรรม...กลับมาขอบคุณผมที่บ้าน...หน้าตาสดชื่นมาก...ผมก็ดีใจ...ที่ได้เพื่อนคนเดิมกลับมา...
พอเพื่อนกลับไปแล้ว...ผมก็กลับมานั่งคิดถึงตัวเอง...ผมเขียนหนังสือไม่ได้มา 10 ปีแล้ว...ผมเขียนหนังสือ 5 ปี...31 เล่ม...หลังจากนั้น...เขียนหนังสือไม่ได้อีกเลย...เบื่อชีวิต...ซังกะตาย...ไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้น...เงินก็ไม่เอา...ความสำเร็จก็ไม่เอา...ความท้าทายก็ไม่เอา...ไม่อยากมีชีวิตอยู่...กูไม่เคยเป็นอย่างนี้นี่หว่า...นี่กูเป็นอะไรวะ...?
อ้าว...นี่กูเป็นโรคซึมเศร้าเหมือนมันเลยนี่หว่า...? นี่ถ้าไม่ให้คำปรึกษามัน...ก็ไม่รู้นะเนี่ยว่า...กูก็ป่วย...แล้วที่สำคัญ...มันรุนแรงมากถึงขนาดที่...ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว...
แล้วทำไมกูถึงซึมเศร้าวะเนี่ย...? ทั้งๆที่...ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่มาก...โด่งดัง...มีชื่อเสียง...ไปไหนมีคนเคารพ...กราบไหว้...เชื่อถือ...ศรัทธา...
ผมมาจาก...บ้านนอก...เด็กวัด...กำพร้า...ยากจนขนาดต้องแย่งหมากิน...พอมาอยู่กรุงเทพฯ...ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่มาก...โด่งดัง...มีชื่อเสียง...การดำเนินชีวิต...และสภาพแวดล้อม...มันเปลี่ยน...
ผมต้องพูด...ในสิ่งที่...ผมไม่ชอบและไม่อยากพูด...
ผมต้องอยู่...ในสถานที่ที่...ผมไม่ชอบและไม่อยากอยู่...
ผมต้องกิน...ในสิ่งที่...ผมไม่ชอบและไม่อยากกิน...
ผมต้องทำ...ในสิ่งที่...ผมไม่ชอบและไม่อยากทำ...
ผมต้องคุย...กับคนที่...ผมไม่ชอบและไม่อยากคุยด้วย...
ผมต้องอยู่...กับคนที่...ผมไม่ชอบและไม่อยากอยู่...
ผมต้องอยู่...ในสภาพแวดล้อมที่...ผมไม่ชอบและไม่อยากอยู่...
ผมต้องทนรับสภาพแบบนี้...10 ปีเต็มๆ...โดยผมพยายามบอกตัวเองว่า...ผมกำลังพยายามปรับตัว...
แล้วผมก็เป็นโรคซึมเศร้า...โรคกรดไหลย้อน...โรคเครียด...โรคภูมิแพ้...และอีกหลายสิบโรค...ที่ยังหาสาเหตุไม่เจอ...
ตอนนี้แทบจะหยิบอะไรใส่ปากไม่ได้...แพ้หมดทุกอย่าง...ตาบวม...ปากบวม...เป็นผื่น...จาม...คออักเสบ...ท้องเสีย...ก็เริ่มทำการรักษา...หมดเงินไป...นับแสน...
วันหนึ่ง...อ่านบทสัมภาษณ์ของหมอ...ในหนังสือพิมพ์...รู้เลยว่า...ตัวเองโง่...และเดินมาผิดทางเสียแล้ว...
ลองมาดูครับว่า...คุณหมอให้สัมภาษณ์เรื่องอะไร...?
อารมณ์…คือตัวกำหนดสุขภาพ...
อวัยวะทั่วร่ายกาย...ทำงานประสานกับอารมณ์...
อารมณ์ดี...ร่างกายจะหลั่งสารสุขออกมา...และเพิ่มภูมิต้านทานในร่างกาย...ทำให้...ร่างกาย...ดี...สดชื่น...แจ่มใส...ผิวพรรณดี...แข็งแรง...ไม่เจ็บป่วย...ดูอ่อนกว่าวัย...
อารมณ์เสีย....ร่างกายจะหลั่งสารพิษออกมา...สารพิษจะไปทำลายภูมิต้านทาน...และทำลายทุกอวัยวะในร่างกาย...ทำให้ร่างกาย...เกิดโรค...ซึมเศร้า...เหี่่ยวเฉา...ผิวพรรณเหี่ยวย่น...อ่อนแอ...ขี้โรค...ดูโทรม...และแก่กว่าวัย...
อารมณ์...ที่ทำให้เกิดโรค...โกรธ...โมโห...หงุดหงิด... => เป็นโรค...ตับ...
เก็บกด...เบื่อหน่าย...ซึมเศร้า...เจ้าน้ำตา...นั่งตัวงอ... => เป็นโรคปอด...
กลัว...หวาดระแวง... => เป็นโรค...หัวใจ...
วิตก...กังวล...เป็นทุกข์... => เป็นโรค...ม้าม...
เครียด...วิตก...กังวล...มีปัญหากดดันจิตใจ... => อาการทางกาย...ที่เกิดตามมา...คือ...
- หายใจลำบาก...หายใจติดขัด...
- หอบ...หายใจเร็ว...หายใจลึก...
- หายใจไม่อิ่ม...หายใจไม่เต็มปอด... => ผลที่เกิดตามมา...คือ...
- อากาศเข้าไปเลี้ยงสมองไม่พอ...
- คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ในเลือด...ลดลง...
- สารเคมีในเลือด...ผิดปกติ...
- เส้นเลือดหดตัว...ทั่วร่างกาย...ทำให้ร่างกายขาดเลือด...
- แคลเซียมในเลือด...ลดลง... => โรคที่เกิดตามมา...คือ...
- หน้ามืด...เวียนหัว...ใจสั่น...
- ชา...บริเวณปาก...และนิ้วมือ...
การบำบัด...รักษา... => อย่าสะสม...อารมณ์เหล่านี้...ไว้ในร่างกาย...
เมื่ออารมณ์เสีย... => ต้องระบายออก...โดยเร็ว...โดยการ...ปรับสมดุลของร่างกาย...และจิตใจ...ทำร่างกาย...และจิตใจ...ให้ทำงานสัมพันธ์กัน...
- เมื่อเกิดอารมณ์ไม่ดี...อารมณ์เสีย...
1. ตั้งสมาธิ...หยุดคิดเรื่องที่ทำให้เครียด...
2. ยิ้มให้อวัยวะต่างๆ...ที่กำลังเกิดความเครียด...
3. ทำให้ร่างกายทุกส่วน...เกิดการผ่อนคลาย...โดยปล่อยวางอวัยวะทุกส่วน...ตามสบาย...ไม่เกร็ง...
4. มองความคิด...เราจะเห็นความเครียด...สิ่งที่ทำให้เครียด...ที่ทำให้อารมณ์เสีย...
5. หยิบอารมณ์เครียด...อารมณ์เสีย...ปล่อยทิ้งให้ลอยไปในอากาศ...แล้วเอาอารมณ์ดี...ความคิดดีๆสนุกสนาน...ใส่เข้าไปแทน...
6. เสร็จแล้ว...ยิ้มอย่างมีความสุข...แล้วกลับไปทำงาน...ด้วยความคิด...มุมมอง...และทัศนคติใหม่...คิดบวก...
7. ออกกำลังกายทุกวัน...
8. ก่อนนอน...นั่งสมาธิ...ทำจิตใจให้สงบ...เอาอารมณ์เครียด...อารมณ์เสียทิ้งทุกวัน...
ถ้าคุณทำได้ตามนี้...สุขภาพคุณจะดี...ห่างไกลโรค...มีชีวิตที่มีความสุข...
โรค...ที่รักษาไม่หาย...
ช่วงนี้...บริษัทต่างๆ...เชิญผมไปพูดปลุกพลังให้ทีมงาน...อาทิตละหลายวัน...ปัญหาหลักของผมคือ...เสียงแห้ง...และคออักเสบตลอดปี...ตลอดชาติ...ไปหาหมอ...หมอก็ให้ยาแก้อักเสบมากิน...กินเสร็จ...หาย...ยาหมด...เป็นอีก...กินอีก...หาย...เลิกกินยาเป็นอีก...พอกินยานานๆ...ยาตัวเดิมเอาไม่อยู่...ต้องกินยาที่แรงขึ้นเรื่อยๆ...จนถึงแผงละ 950 บาท...ผมหมดค่ายาไปหลายหมื่น...อาการก็เป็นๆหายๆ...ชีวิตทุกข์ทรมานมาก...และเป็นปัญหามาก...กับการทำมาหากิน...
วันหนึ่งอ่านโบว์ชัวโฆษณา...ของโรงพยาบาล...เรื่อง...โรคกรดไหลย้อน...เขาบอกว่า...ถ้ามีอาการอย่างนี้...คุณเป็นโรคกรดไหลย้อน...ต้องรีบรักษา...
อาการคือ...จุก...แน่น...แสบร้อน...ที่หน้าอกและคอ...เหมือนมีอะไรมาติดที่หน้าอกและคอ...เรอเปรี้ยว...มีรสขม...เวลานอน...มีกรดไหลมาที่ลำคอ...เข้าปาก...เข้าหลอดลม...เต็มจมูก...เจ็บมาก...แสบคอและจมูกแสนสาหัส...กรดมันจุกคอจนหายใจไม่ออก..เจ็บคออย่างแสนสาหัส...กลืนอาหารไม่ได้...เสียงแหบ...พูดไม่ได้...ปวดแสบปวดร้อนที่หน้าอกอย่างรุนแรง...เหมือนอกจะไหม้...ไอเรื้อรัง...เจ็บคอเรื้อรัง...เสียงแหบเรื้อรัง...ปอดอักเสบ...ปวดเจ็บจี๊ดๆที่หน้าอกบ่อยๆ...สาเหตุเป็นเพราะ...กรดในกระเพราะอาหาร...มันไหลย้อนเข้ามากัด...หลอดอาหาร...คอ...และหลอดลม...
วิธีรักษา...ต้องไปหาหมอผู้เชี่ยวชาญ...โดยด่วน...ถ้าทิ้งไว้นาน...มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็ง...หลอดอาหาร...คอ...กล่องเสียง...
อ่านเสร็จ...อุทานว่า...เวรแล้วกู...ที่มึงพูดมาทั้งหมดนี่...อาการของกูล้วนๆเลยหละ...นี่กูเป็นโรคกรดไหลย้อนหรือนี่...? แล้วถ้าไม่รีบรักษา...มะเร็ง...!!!!!
ผมทำตามคำแนะนำทันที...เดี๋ยวนั้น...ไปหาหมอที่โรงพยาบาลตามที่โฆษณา...หมอบอกว่า...อาการผมหนักมาก...ต้องกินยา...และรักษาต่อเนื่อง...อย่างน้อย 6 เดือน...ถ้ายังไม่ดีขึ้น...ต้องรักษาด้วยวิธีอื่น...หลังจากนั้น...ผมก็เข้าออกโรงพยาบาล...เหมือนเป็นบ้านหลังที่ 2...
วิธีรักษา...โรคกรดไหลย้อนที่ได้ผลยอดเยี่ยม...
วันหนึ่ง...ยาหมด...แล้วผมต้องไปพูดปลุกพลังที่ขอนแก่น...กลัวมาก...กลัวเจ็บคอ...กลัวเสียงแหบ...กลัวพูดไม่ได้...ไม่มีเวลาไปโรงพยาบาล...เอาไงดี...?
ตัดสินใจ...พึ่งหมอตี๋...เข้าร้านขายยาปากซอยหน้าหมู่บ้าน...เจอเภสัชกรคนหนึ่ง...หน้าตากวนตีนมาก...อายุน้อยกว่าผม...แต่กวนตีนมากกว่าผม...
ซื้อยาแก้กรดไหลย้อนครับ...
เอาเกรดไหน...มี 3 เกรด...ถูก...กลาง...แพง...คุณภาพยา...ขึ้นกับราคา...ว่าไง...? มันถามแล้วมองหน้าผมแบบกวนตีน...
ผมกวนตีนกลับ...เอาเกรดไหนก็ได้...ที่กินแล้วหายน่ะ...
ไม่มี...โรคนี้....ยาไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้...ถ้าคุณรักษาด้วยยา...คุณจะต้องกินยาไปตลอดชีวิต...
ผมหันไปจ้องหน้ามัน...เพราะสะดุดคำว่า...ถ้าคุณรักษาด้วยยา...คุณจะต้องกินยาไปตลอดชีวิต...
ผมถามว่า...มันมีวิธีรักษาด้วยวิธีอื่นหรือ...?
มันค่อยๆชายตามามองผมด้วยสายตาดูถูก...อย่างรุนแรง...แล้วพูดโดยไม่มองหน้าคนฟังว่า...
คนที่เป็นโรคกรดไหลย้อน...เกิดจากนิสัยชั่ว 5 อย่าง...
1. กินข้าวไม่ตรงเวลา...
2. กินอาหารรสจัดมาก...โดยเฉพาะเผ็ดจัด...
3. กินมากเกินไป...
4. กินแล้ว...เข้านอนทันที...
5. เครียดตลอดเวลา...
ถ้าอยากหาย...ไปเปลี่ยนนิสัย...ไม่ต้องกินยา...
By: Thanawut
Ambrocia ตรา แอมโบรเซีย PINEAPPLE CIDER PREMIUM สับปะรดไซเดอร์ระดับพรีเมี่ยม
ผมซื้อที่ฟู้ดแลนด์ขวดละ 60 บาท ทานผสมน้ำผึ้งอย่างละ 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 1 แก้วก่อนอาหารเช้า-เย็นทุกวันเกือบ 2 เดือนแล้ว ความดันลดเหลือ 120 กว่าๆ ภูมิแพ้เจออากาศเปลี่ยนน้ำมูกไหลจามตลอดเริ่มหายกว่า 80% เป็นแผลโดนมีดบาดหายไว 1-2 วันแผลแห้งสนิท แรกๆทานยากหน่อยรสมันเปรี้ยวๆแต่ก็หอมน้ำผึ้ง ตอนนี้ชินแล้วครับกินได้สบายๆ (ถ้าชอบแบบซ่า..ซ่า..ให้เปลี่ยนน้ำเป็นโซดาวันเวย์ยี่ห้ออะไรก็ได้ 1 ขวด แบบแช่เย็นเจี๊ยบ)
@ เชิญเข้าไปดูภาพเว็บนี้...แล้วลากลงไปล่างสุดครับ
@ ยาจีนโบราณ ไข่ไก่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมัก กินแล้วหายหลายโรค
By ตัวดำแต่ใจแดง: ผมขอเพิ่มเติมประสบการณ์ที่ได้พบกับตัวเอง เพื่อมาบอกเป็นแนวทางกับเพื่อนๆ...คือที่จริงแล้วผมเอง "ไม่ใช่" คนที่จะเชื่ออะไรกับใครได้ง่ายๆหรอกนะครับ...ทุกอย่างที่ผมคิดและทำ จะต้องมีเหตุและผลมารองรับ ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่??? เสมอๆ...
น้ำหมักผลไม้หรือสมุนไพร ไม่ว่าจะเป็นสูตรจากป้าเช็ง หรือน้ำส้มสายชูหมักก็ตาม...เปรียบไปแล้ว...มันก็มี "สารที่เกิดจากการหมัก" เป็น "แอลกอฮอล์ธรรมชาติ" ที่มี "จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ปะปนอยู่ในนั้นด้วย" อย่างหนึ่ง...
ที่ว่าชนิดไหนมีประโยชน์ ชนิดไหนจะเป็นโทษ ผมเองไม่ได้จบมาทางชีวะวิทยาโดยตรง...แต่ก็ได้อ่านหนังสือเป็นความรู้ผ่านมาบ้างเล็กน้อยว่า ในธรรมชาติของเรา...ส่วนใหญ่จะเป็นจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและสิ่งมีชีวิต มากกว่าชนิดที่ให้โทษอยู่มากมายนัก...(เคยอ่านจากหนังสือการค้นพบจุลินทรีย์ EM ที่เป็นน้ำหมักชนิดหนึ่งที่เน้นในเรื่องการทำการเกษตร บำรุงดิน และทำความสะอาดในคอกของสัตว์เลี้ยง ซึ่งต่อมาได้พัฒนาช่วยในการเลี้ยงกุ้งและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ เช่น หมู และไก่เนื้อ ไปจนถึงไก่ไข่ แข็งแรง มีสุขภาพดี ไม่เป็นโรค นี่เฉพาะ ที่พูดถึงจุลินทรีย์ EM นะครับ)
มาพูดถึง น้ำหมักผลไม้หรือสมุนไพรกันต่อ เราสามารถทำได้เอง หาวัตถุดิบและอุปกรณ์ทุกอย่างได้เอง โดยไม่จำเป็นที่จะต้องไปซื้อกับป้าเช็งเลยก็ยังได้
สรุปว่าหาวัตถุดิบและอุปกรณ์ที่ตลาดใกล้ๆบ้าน ซึ่งก็หาได้ง่ายและมันก็ไม่ได้แพงอะไรนักหนาน่ะครับ นำมาหมัก จนได้อายุ อย่างน้อยที่จะเอามาใช้ได้เนี่ย ก็ซัก 4 เดือนขึ้นไป ก็ใช้ได้แล้วล่ะครับ...
เมื่อเราได้น้ำหมักมาแล้ว ถ้าเราเอามาใช้ "ดื่มกินแต่พอดี" ไม่มากจนเกินไป มันก็เหมือนกับเรา "กินไวน์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย" น้ำหมักผลไม้หรือสมุนไพรดังกล่าวก็จะเข้าไปช่วย "ปรับสภาพ" ความเป็นกรด เป็นด่างในร่างกาย ในเส้นเลือด เช่น ช่วยชะล้างไขมัน ที่เข้าไปเกาะอยู่ตามผนังของเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดสะอาดขึ้น เลือดเดินทางได้สะดวกขึ้น
เมื่อเลือดเดินทางได้สะดวกขึ้น เลือดก็นำสารอาหารที่เป็นประโยชน์ไปเลี้ยงเซลล์ที่อยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกายได้ดียิ่งขึ้น นั่นก็จะเป็นผลที่ทำให้ร่างกายของคนเราแข็งแรง และไม่ล้มเจ็บ หรือว่าป่วยไข้ได้ง่ายๆนั่นเอง เป็นการใช้ "น้ำหมัก" ที่เป็นอาหารที่ได้จากธรรมชาติ เข้ามาเพื่อปรับสมดุลภายในของร่างกาย เพื่อให้เม็ดเลือดแดง ที่เปรียบไปแล้วก็เป็นทหารฝ่ายส่งกำลังบำรุง เกิดการทำงานได้เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
เมื่อเซลล์ต่างๆในร่างกาย ได้รับอาหารเต็มที่มากยิ่งขึ้น ร่างกายของเราก็สามารถผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งเปรียบไปก็เสมือนกับ "นักรบ" ที่จะคอย "ต่อสู่กับเชื้อโรคต่างๆ" ที่เข้าสู่ร่างกาย ได้ดียิ่งขึ้น...ทำให้เราไม่เจ็บไข้ได้ป่วย สุขภาพของเราก็เลยแข็งแรงนั่นเองแหละครับ!!!
เริ่ม 1 กันยายน 2555 มี 23 กลุ่ม ดังต่อไปนี้ ที่ให้ฟรีโดยไม่ต้องเก็บ 30 บาท
"จำนวนเงินร่วมจ่าย" หมายถึง จำนวนเงินร่วมจ่ายโดยความสมัครใจ 30 บาทต่อครั้งของการรักษาพยาบาลของการป่วยในครั้งนั้น
ความหมายคือ...
ร่วมจ่ายเงินโดยความสมัครใจ 30 บาทก็ได้
หรือ ไม่สมัครใจร่วมจ่ายเงิน 30 บาทก็ได้
เข้าข่าย ข้อสุดท้าย
๒๓) อื่นๆ