PlayListนี้ เริ่มต้นด้วย "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน" เรียงลำดับตั้งแต่ ตอนแรก ถึง ตอนปัจจุบัน ..ท้ายเพลย์ลิสท์เป็นคลิป "เมื่อศาลรัฐธรรมนูญกระทำขัดรัฐธรรมนูญ : จะทำอย่างไร?" วันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2556 เวลา 13.00 - 16.00 น. ห้องกมลทิพย์ ชั้น 2 โรงแรมสุโกศล (สยามซิตี้เดิม) คลิปนี้..วิทยากร รศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความคิดเห็นเริ่มนาที 0:14:24
คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...
หรือคลิกที่นี่.. @ AsiaUpdate "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน"

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

104 มือหยาบกร้านคู่นั้น มีแต่เส้นเอ็นปูดโปน...ทำให้ผมนึกถึงมือของผู้หญิงคนหนึ่ง...

@ มองโครงการรับจำนำข้าวในสายตาของชาวนาตัวจริง...
@ Obama' ประเด็นที่สื่อไทยเมิน & อัลบั้มโอบามาเยือนไทย 18พ.ย.55
@ ปลื้มปีตี"ในหลวง"เสด็จออก ณ สีหบัญชร เปล่งเสียง"ทรงพระเจริญ"กึกก้อง
@ ฮู้ยยยย...สติแตกกันไปหมดแย้วทั้งคนเล่นและกองเชียร์แนวร่วม
@ ผมไม่ได้แหล!!! แต่เรื่องดีๆอย่างนี้..clickดูเองเหอะ
@ ความเป็นมาของ คดีสะเทือนโลก "ที่ดินรัชดา" ที่ทุกๆคนควรรู้!!!
@ เปิดใจ "พงศพัศ พงษ์เจริญ" ว่าที่ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร (ย่อมรับคนนี้เก่งจริง)
@ ที่ปรึกษาอัคคีภัยเซ็นทรัลฯ ยันจำเลยคดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ไม่สามารถวางเพลิงได้
@ หึหึ ปวดตับละทีนี้ จะรุกเขมิบม้า เจอสวนรุกฆาต โบราณว่า..เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ!!
@ โถ..โถ..โถ..น่าสมเพชเวทนา เอา"ข้าวนึ่ง"จากไหนไม่รู้ จัดฉากใส่ร้ายเขาเป็นตุเป็นตะ หวัง"ตีกิน"ตามสันดาน!!
@ สาระน่ารู้... เขาซื้อทองคำ ขายทองคำ กันอย่างไร?????
@ พี่สาวผมเคยถามผมว่า ทำไมผมจึงฝักใฝ่อยู่กับคุณทักษิณ?????

คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น @ New!! แจกปฏิทินนายกฯปู พ.ศ.2556 คลิกที่นี่...


มือของแม่...
By: NoName

ปูลู: บทความนี้..ไม่ทราบผู้เขียนหรือผู้ประพันธ์ เพราะส่งมาทาง ForwardMail


ภาพหญิงชรา ที่เดินหาบขนมขายอยู่ริมถนน ทำให้ผมหยุดชะงักอยู่ชั่วขณะ แม้ว่าแกจะเดินจากไปแล้ว แต่ภาพหญิงแก่ที่ยกมือขึ้นปาดเหงื่อ เดินฝ่าเปลวแดดออกไปนั้น ยังคงติดตรึงอยู่ในสายตาของผม จนยากที่จะสลัดออก


มือหยาบกร้านที่มีแต่เส้นเอ็นปูดโปนของหญิงแก่ ทำให้ผมนึกถึงมือของผู้หญิงคนหนึ่ง... ผู้หญิงซึ่งทำทุกอย่างเพื่อลูกน้อยของตนได้โดยไม่หวังอะไร นอกจากรอยยิ้มของลูก ...ผู้หญิงคนนั้น..คือ แม่ของผมเอง

แม่เป็นแม่ค้า ที่หาบขนมขายอยู่ข้างถนน วันไหน ขายดี ก็มีเงิน พอจับจ่ายตามอัตภาพ หากวันไหน ขายไม่ได้ ก็ต้องใช้เงินอย่างกระเบียดกระเสียร แต่แม่ก็ไม่เคยยอมให้ผมรู้จักกับความหิวโหย อะไรที่อยากกิน แม่มักหามาให้ผมเสมอไม่ว่าของสิ่งนั้นมันจะทำให้แม่ต้องอดสักกี่มื้อก็ตาม เวลาที่ผมนั่งกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย แม่มักจะมองดูเงียบๆ ริมฝีปากของแม่ปรากฏรอยยิ้มน้อยๆอย่างมีความสุข

ตอนนั้น ผมไม่เคยสนใจเลยว่าขนมชิ้นเล็กๆราคาแพงที่แม่หามาให้นั้น ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อของแม่กี่หยด ไม่เคยนึกสงสัยด้วยซ้ำว่า หลังจากที่ผมกินขนมจนอิ่ม จะมีอะไรเหลือตกถึงท้องแม่ไหม? ผมรู้เพียงอย่างเดียวคือ แม่เป็นหญิงแก่ที่หาบขนมขาย...

ยามใดที่มโนธรรมมาย้ำเตือนให้ผม คิดถึงความเหน็ดเหนื่อยของแม่ สัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอด ก็มักจะหลบเลี่ยงความรู้สึกผิดในใจด้วยการบอกว่า ในเมื่อแม่เกิดผมมามันก็เป็นหน้าที่ของแม่ที่ต้องหาบขนมขายเพื่อหาเลี้ยงผม ถ้าไม่มีอะไรกินขนมที่เหลือจากการขายมันก็ช่วยให้แม่อิ่มได้นี่นา

ยามใด ที่มือนั้นยื่นมาจับต้องดึงผมไปกอดไว้แนบอก ยามนั้น ผมก็มักจะเบี่ยงตัวหนีด้วยความรู้สึกขยะแขยง แม้ไม่เอื้อนเอ่ยออกมาเป็นวาจา แต่แววตาที่ผมแสดงออกมันก็บอกถึงความรู้สึกภายในอย่างโจ่งแจ้ง แววตาที่ทำให้แม่ชะงัก

แม่มองหน้าผมอย่างเข้าใจ แล้วก็มีท่าทีงกๆเงิ่นๆ อย่างคนรู้สึกผิด แม่ไม่พูดอะไรสักคำ มือหยาบกร้านนั้นกำแน่นค่อยๆ ตกอยู่ข้างลำตัว ไหล่ของแม่ลู่ลง... หลังจากวันนั้น มือของแม่ไม่กล้าที่จะเอื้อมมากอดผมอีกเลย... ตอนนั้น ผมรู้สึกสบายใจนะที่ไม่ต้องสัมผัสกับมือที่หยาบกระด้างที่น่ารังเกียจนั่น...

แต่เมื่อ เวลาผ่านไป ผมกลับเกิดความรู้สึกที่ต่างจากเดิม... จริงๆแล้ว สิ่งที่น่ารังเกียจ ไม่ใช้มือหยาบกร้านของแม่หรอก มือที่เนียนสวยราวกับลูกผู้ดีของผมต่างหากที่น่าขยะแขยง ขณะที่มือแม่กร้านเพราะกรำงานหนักเพื่อเลี้ยงผม แต่มือที่อ่อนนุ่มของผมไม่เคยทำประโยชน์เพื่อใครเลยนอกจากตัวเอง

น่าขันนะ เมื่อผมเติบใหญ่ และประสบความสำเร็จในชีวิต หลายครั้งหลายคราที่มีโอกาสจับต้องมือของผู้หญิงมากหน้า มือที่ นิ่ม หอมกรุ่น กับเล็บเคลือบสีสดและเรียวปากนุ่มสวยช่างฉอเลาะนั้นไม่ได้ทำให้ผมโหยหาเลยสักนิด แต่สิ่งที่ผมร่ำร้อง กลับเป็นมือที่หยาบกระด้างของผู้หญิงเพียงคนเดียว...ผู้หญิงที่หาบคอนกระจาดเดินเร่ขายขนมอยู่ข้างถนนเพื่อเลี้ยงลูกชาย...ผู้หญิงที่ไม่ค่อยพูด ที่มักใช้สายตาเฝ้ามองผมอยู่เงียบๆ สายตาที่สื่อความรู้สึกของแม่คนหนึ่งซึ่งมีต่อลูก สายตาอ่อนโยนคู่นั้นเหมือนกับจะบอกผมเสมอว่า ผมคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของแม่...

อาจจะเป็นเพราะพ่อจากไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่นตั้งแต่ผมยังเล็กก็ได้ ทำให้แม่พยามทำทุกอย่างเพื่อชดเชยความเป็นลูกไม่มีพ่อให้ผม เท่าที่แม่ค้าหาบขนมขายอย่างแม่จะทำได้ แม่คงกลัวว่าผมจะกลายเป็นเด็กมีปัญหาเพราะขาดพ่อล่ะมั้ง แต่แม่ไม่เคยรู้หรอกว่า ในสายตาของผม...ผู้ชายที่ทำให้ผมเกิดมาไม่ได้มีความสำคัญกับผมเลยสักนิด... ผมเกลียดผู้ชายคนนั้น..ตาแก่ที่กินเหล้าจนเมา เอะอะ โวยวาย ทำร้ายแม่ผม หลายครั้งที่ผมเห็นพ่อใช้คำพูดถากถาง ระราน อาละวาดใส่แม่ แต่แม่ผู้น่าสมเพชของผมก็ไม่เคยลุกขึ้นมาต่อต้านเลยสักนิด

แม่มักยอมพ่อเสมอ... ยอมถูกซ้อมเป็นกระสอบทราย แล้วก็แอบไปนั่งร้องไห้คนเดียวเงียบๆ ยอมทำงานหนักเดินขายของวันละหลายๆกิโลเพื่อเอาเงินมาเลี้ยงครอบครัว... ส่วนเงินเดือนของพ่อน่ะหรือ? มันจมลงในขวดเหล้าหมดแล้ว สภาพของแม่ที่ผมเห็น ทำให้ผมได้แต่นึกในใจว่า ถ้าผมแต่งงาน ผมจะหา เมีย อย่างแม่

แต่ถ้าผมเป็นผู้หญิง ผมจะไม่ยอมมีชีวิตที่น่าเวทนาแบบแม่ เด็ดขาด!! ผู้หญิงที่ยอมเป็นกระโถนรองรับอารมณ์ของผู้ชาย ผู้หญิงที่ยอมให้สามีโขกสับอย่างกับทาสในเรือนเบี้ย ยอมทำงานบ้านจนดึกจนดื่น ยอมตื่นแต่เช้ามาทำขนมขายเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ยอมแม้กระทั่งให้ผู้หญิงอื่นมาแย่งผัวตัวเองไปต่อหน้าต่อตา แม่ยอมรับชะตากรรมที่เกิดขึ้น โดยไม่เคยคิดจะต่อสู้เรียกร้องสิทธิอะไรเลย

แม่มีปากเสียงกับพ่อเพียงครั้งเดียว ตอนที่พ่อจะเอาผมไปอยู่ด้วย ตอนนั้นผมเห็นแม่สู้ยิบตาราวกับหมาจนตรอกเลยทีเดียว พ่อยอมให้ผมอยู่กับแม่อย่างไม่คิดจะยื้อแย่ง "น้ำหน้าอย่างเธอ จะเลี้ยงลูกได้สักแค่ไหนกันเชียว อีกหน่อยลูกมันคงต้องหาบขนมขายทั้งชาติ เหมือนเธอนั่นแหล่ะ" นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่แม่และผมได้ยินจากปากของพ่อ มันเป็นคำพูดที่ทำให้แม่ฮึดสู้ แม่ทำงานหนักตัวเป็นเกลียวเพื่อหาเงินส่งผมเรียนสูงๆ ซึ่งผมก็ไม่ได้ทำให้แม่ผิดหวังเลย การเรียนของผมอยู่ในขั้นดีเยี่ยมจนได้รางวัลจากทางโรงเรียนเสมอ เปล่าหรอกนะ ผมไม่ได้ตั้งใจเรียนเพื่อแม่หรอก ตลอดเวลาผมไม่ได้คิดที่จะทำอะไรเพื่อแม่เลยสักครั้ง แต่ที่ผมตั้งใจเรียน ก็เพราะรู้ว่า...การศึกษาเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ผมหลุดพ้นจากบ้านในสลัมโทรมๆแห่งนี้ต่างหาก

ความทะเยอทะยานในอดีตเป็นแรงผลักดัน ที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จในชีวิต โดยมีโอกาสดีๆที่โชคชะตาหยิบยื่นให้เป็นตัวช่วยสนับสนุน สิ่งเหล่านี้ ทำให้ผมหลงระเริงอยู่นานทีเดียว มันทำให้ผมหยิ่งผยอง คิดว่าตัวเองนั้นเก่งกล้าสามารถก้าวจากจุดศูนย์ขึ้นมายืนผงาดอยู่ได้ด้วยขาตัวเอง ทั้งๆที่ ความจริงแล้ว ความสำเร็จของปริญญาระดับด็อกเตอร์ ที่แปะข้างฝาบ้านของผมนั้นมีแม่อยู่เบื้องหลังเสมอแม่ผู้จบ ป.4...

ขาของผมยืนผงาดอยู่ได้ ด้วยการเหยียบบ่าของแม่โดยแท้ และผมก็ไม่เคยสนใจเลยสักนิดว่า บ่าที่เหยียบเป็นฐานนั้นจะชอกช้ำเพียงใด เพราะเจ้าของบ่า ไม่เคยปริปากบอกผมเลย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไร แม่ก็ยังคงเป็นคนพูดน้อยทำมากเสมอ แม่เป็นผู้ฟังที่ดีมาตั้งแต่ผมยังเด็กแล้ว ทุกครั้งที่ผมมีความกังวล แม่จะคอยรับฟังเสมอ เวลาที่ผมระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจ หลายครั้งที่แม่ฟัง จำนวนเงินที่เด็กชายเอ่ยขอ ยามต้องการจะซื้อของต่างๆ เพื่อให้มีเหมือนลูกคนอื่น แม่ไม่เคยแย้ง นิ่ง...ฟัง... หลังจากวันนั้น แม่ขายของจนค่ำมืดกว่าปกติอยู่หลายวัน และวันหนึ่งแม่ก็ยื่นเงินให้ผมเพื่อไปซื้อของที่อยากได้

ยามที่ผมรับเงินจากมือของแม่ ผมรู้สึกว่ามือของแม่หยาบกร้านกว่าเคย... แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรนักหรอก เพราะถึงมือมือนี้จะต้องหยาบกร้านเพิ่มขึ้นสักแค่ไหน มันก็ยังคงหยิบยื่นความสะดวกสบายให้ผมได้เหมือนเดิม และมันก็เป็นเช่นนี้เสมอมา ไม่ว่ายามที่ผม สุข หรือ ทุกข์ มือของแม่จะอยู่เคียงข้าง คอยช่วยประคับประคองผมเสมอตราบชั่วชีวิตของแม่

จนกระทั่ง วันนี้...หลายสิ่งในชีวิตของผมเปลี่ยนไป... ผมมีชื่อเสียง มีเกียรติยศ มีคนนับหน้าถือตา มีบ้านหลังใหญ่ มีรถคันงาม มีเงินทอง มีมือนุ่มนิ่มของผู้หญิงสวยๆ คอยคลอเคลีย ทุกสิ่งที่ผมเคยต้องการล้วนมากองอยู่แทบเท้าของผม

แต่สิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุดกลับขาดหายไป ณ วันนี้ ข้างกายของผม ไม่มีมือของแม่...


หากพรุ่งนี้ไม่มี...แม่?
By: พระมหาประดิษฐ์ จิตฺตสํวโร

วันนี้ลูกๆหลายคนอาจจะกำลังอยู่กับพ่อกับแม่ในครอบครัวที่แสนสุข ในอ้อมกอดที่อบอุ่นของแม่ ในการเลี้ยงดูเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากแม่ อยากได้อะไรมีแม่คอยจัดหาให้ อยากกินอะไรมีแม่คอยหามาให้กิน อยากเที่ยวที่ไหนแม่ก็พาไปเที่ยว อยากเรียนอะไรแม่ก็ส่งเสียให้เรียน อยากทำอะไรแม่ก็คอยส่งเสริมสนับสนุนให้ทำอยู่ตลอดมา ลูกๆหลายคนได้รับความสุข สะดวก สบาย สมบูรณ์พูนสุขในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย เงินทองที่ใช้จ่ายได้ตามใจปรารถนา พร้อมทั้งการศึกษาที่ดีในสถาบันที่มีชื่อเสียง ความสมบูรณ์ ความสุขสบายที่ลูกได้รับอย่างสุขเกษมเปรมปรีดิ์ทุกวันนี้ได้มาจากใคร..................?

วันนี้ยังมีลูกๆหลายคนไม่ได้อยู่กับพ่อกับแม่ในครอบครัวที่อบอุ่น ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า เป็นเด็กเร่ร่อน เป็นเด็กจรจัด นอนตามป้ายรถเมล์ เร่ขอทานเก็บเศษอาหารประทังชีวิตไปวันๆ ต้องทนทุกข์ทรมาน เดียวดายไร้ความอบอุ่นหว้าเหว่ห่อเหี่ยวในหัวใจขาดที่พึ่งพาอาศัยต้องตะเกียกตะกายต่อสู้ในโลกที่โหดร้ายมีแต่แก่งแย่งแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น เล่นพรรคเล่นพวก คิดเอาแต่ประโยชน์ส่วนตัว เพื่อให้มีชีวิตอยู่ไปวันๆ

หากพรุ่งนี้ไม่มี...แม่?

โบราณว่า "ขาดพ่อเหมือนถ่อหัก ขาดแม่เหมือนแพแตก" ชีวิตของลูกคงกระจัดกระจายไร้ทิศทาง ไร้อนาคต ไร้การศึกษา กลายเป็นเด็กมีปัญหา เป็นภาระของสังคม คงต้องทุกข์ทรมานอย่างหาประมาณมิได้ หากเปรียบชีวิตเหมือนการข้ามฝั่งในแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวกราก เต็มไปด้วยอันตรายรอบด้าน ซึ่งต้องอาศัยแพและไม้ถ่อข้ามฝั่ง เพื่อไปสู่เป้าหมายอย่างปลอดภัย หากเปรียบไปก็เหมือนพ่อกับแม่ ไม้ถ่อเปรียบเสมือนพ่อ แพเปรียบเสมือนแม่ ถ้าไม้ถ่อหักก็ยังสามารถใช้มือหรือเท้าพายแทน แต่ก็ต้องทุลักทุเลพอควร มีโอกาสถึงฝั่ง 50-50 แต่หากแพต้องแตกหรืออับปางกลางแม่น้ำ โอกาสที่จะถึงฝั่งก็คงลางเลือนและริบหรี่เต็มประดา อาจต้องจมน้ำตาย หรือเป็นอาหารของสัตว์ร้ายได้

เปลวเทียนละลายแท่ง เพื่อเปล่งเสียงอันอำไพ ชีวิตมะลายไป เหลือสิ่งใดไว้ทดแทน

หากเปรียบเทียนที่จุดขึ้นเหมือนกับชีวิตแม่ของเรา เทียนเล่มนี้มันส่องแสงให้มากเท่าใด ลำเทียนเองก็จะสั้นลงๆ คล้ายดังชีวิตแม่ที่ให้ลูกมากแค่ไหน อายุของแม่ก็จะสั้นลงๆ อายุที่ได้มาก็คือเวลาที่เสียไป ยิ่งลูกมีความเจริญรุ่งโรจน์มากขึ้นเท่าใด ชีวิตแม่ก็ยิ่งแก่ลงและหดหายลงไปเท่านั้น บางครั้งเทียนมันก็ลุกโชติช่วงชัชวาล บางครั้งก็ริบหรี่หรือไม่ก็ดับ แล้วน้ำตาเทียนก็ไหลหยดย้อยเหมือนหยาดน้ำตาของผู้เป็นแม่ของเรา ในที่สุดเทียนที่จุดขึ้นก็จะเหลือเพียงไส้ดำๆ วาระสุดท้ายของแม่เราก็จะเป็นอย่างนี้ แม่จะเหลือเพียงกระดูกที่เป็นเถ้าถ่าน ให้ลูกน้อยไปรับที่เชิงตะกอน

หากพรุ่งนี้ไม่มี...แม่?

แม่ผู้ให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่ลูก แม่ผู้ยอมอด เพื่อให้ลูกอิ่ม แม่ผู้ที่ยอมทุกข์เพื่อให้ลูกสุข แม่ผู้ที่ยอมลำบากเพื่อให้ลูกสบาย แม่ผู้ที่ยอมตายเพื่อให้ลูกมีชีวิตอยู่

แม่ผู้ที่รักเป็นห่วงเป็นใยและเฝ้าถามลูกอยู่เสมอ เหนื่อยไหมลูก? หิวไหมลูก? ลูกอยากทานอะไร? ลูกอยากได้อะไรบอกแม่มา...แม่จัดให้? แล้วลูกละ เคยถามแม่บ้างหรือเปล่า?

ลูกบางคน ยามแม่มีชีวิตอยู่ ไม่เคยเลยที่จะรักษาน้ำใจท่าน ไม่เคยเลยที่จะเลี้ยงดูใจท่าน ทำให้ท่านสบายอกสบายใจ ท่านได้เรามาเป็นลูกรู้ไหมท่านดีใจมากขนาดไหน?

ลูกวัวลูกควายซึ่งเป็นสัตว์เดรัจฉาน มีคุณธรรมน้อย เมื่อโตขึ้นเลิกกินนมแม่ วิ่งเล่นไปมาเอาลำตัวถูไถคลอเคลียแม่มันเล่น แล้วก็เดินจากไป เราอาจสรุปว่า ลูกวัวตัวนั้นไม่ดี ไม่มีความกตัญญู สู้ลูกคนไม่ได้

แต่ร้อยทั้งร้อยของเจ้าสัตว์เดรัจฉานตัวนี้เมื่อมันโตขึ้นและทิ้งแม่ไป มันจะไม่เถียงแม่ ไม่ตวาดแม่ ไม่ตีแม่ ไม่กระทืบเท้าใส่แม่ และที่สำคัญมันจะไม่ขยี้หัวใจแม่ของมัน...

แต่ลูกคนบางคนกลับมีแต่คอยสร้างความทุกข์ใจให้แก่ท่าน มีแม่หลายคนที่ระทมขมขื่นเสียใจเพราะลูก ต้องแอบร้องไห้ประจำ ถึงแม้แม่จะได้รับความทุกข์ทรมานจากลูกเพียงใด แม่ก็ยังรัก แม้บางครั้งมีใครบอกว่า ลูกของแม่ชั่ว ลูกของแม่เลว แม่ก็จะไม่เชื่อ ลูกของฉันไม่เป็นอย่างนั้น ลูกของฉันเป็นคนดี ดีชั่วก็ลูก ผิดถูกก็เลือด จะเฉือนจะเชือดได้อย่างไรกัน

บางคนเอาแต่สนุก เชื่อเพื่อนมากกว่าเชื่อแม่ รักแฟนมากกว่ารักแม่ เคารพเมียมากกว่าเคารพแม่ เลี้ยงเพื่อนฝูงมากกว่าเลี้ยงแม่ โทรหาแฟนมากกว่าโทรหาแม่ คุยกับแฟนทั้งวันทั้งคืน แต่คุยกับแม่แป๊บเดียวตอนขอตังค์ แม่หลายคนช่างโชคร้ายนักเลี้ยงลูกมาตั้งหลายคน แต่ลูกเหล่านั้นไม่สามารถที่จะเลี้ยงพ่อแม่ได้เลย ปล่อยให้แม่ไปอยู่ตามบ้านพักคนชรา สถานสงเคราะห์ผู้สูงอายุ ทิ้งไว้ตามวัดบ้าง ปล่อยแม่ไว้กับหมากับแมว ไม่เคยดูแลไม่เคยสนใจ ขนมซักชิ้นหนึ่ง น้ำสักแก้วหนึ่ง เงินสักบาทไม่เคยเลย ที่จะให้แม่ มีแต่จะเอา ทรัพย์สิน มรดก เงินประกัน บางคนถึงขนาดแช่งให้แม่ตายเร็วๆ เพื่อตัวเองจะได้มรดก

หากพรุ่งนี้ไม่มี...แม่?

ถ้าเย็นนี้คุณแม่ตายไปคุณแม่จะได้อะไร จะได้เพียงแต่ข้าวต้มถ้วยเดียวและน้ำเปล่าครึ่งแก้ว ใส่ถาดเอาไปวางไว้ข้างโลงศพเท่านั้นหรือ แล้วลูกชายลูกหญิงผู้โง่เขลาก็จะไปเคาะข้างโลง พร้อมกับพูดว่า "แม่จ๋าลุกขึ้นมากินข้าวเถอะ... แม่จ๋าลุกขึ้นมากินน้ำเถอะ... แม่จ๋าพระมาแล้วฟังสวดนะแม่นะ..."

แต่ในขณะที่แม่มีชีวิตอยู่ เราจะได้ยินแต่คำว่า "ลูกจ๋าลูกหิวหรือเปล่า?... ลูกต้องการอะไรหรือเปล่า?... ลูกจ๋าลูกไม่สบายหรือเปล่า?..."

จะมีลูกซักกี่คนที่จะถามแม่เช่นนั้น หรือจะรอให้แม่ตายไปซะก่อนแล้วค่อยถามอย่างนั้นหรือ เรารักสิ่งใด เราจะถนอมสิ่งนั้น รักษาสิ่งนั้น แล้วมันจะอยู่กับเรานาน ถ้าเรารักแม่ ต้องถนอมน้ำใจท่าน รักษาใจท่าน ถามท่านต้องการอะไร?... ท่านอยากไปไหน?... ท่านอยากทานอะไร?... ท่านเจ็บตรงไหนปวดที่ใด?... ตอนที่แม่มีชีวิตอยู่ไม่เคยสนใจท่านเลย แต่พอคุณแม่ตายลงนำร่างที่ไร้วิญญาณของแม่ไปใส่โลงทองอย่างดี เอาไปไว้วัดแล้วนิมนต์พระมาสวด 7 วัน 7 คืน หวังว่าดวงวิญญาณของแม่จะไปสู่สุขคติโลกสวรรค์ นี่หรือคือสิ่งที่เรามอบให้แม่

จัดห้องนอนให้แม่ ตอนที่แม่มีชีวิตอยู่แม้ครั้งเดียว ยังดีกว่าจัดงานศพใหญ่โตเมื่อแม่สิ้นชีวิต

มอบดอกไม้สักดอกให้แม่ ตอนมีชีวิตอยู่ มีค่ากว่าพวงหรีดหลายร้อยพวงที่ประดับข้างโลงศพแม่

หาน้ำเย็นๆให้แม่ดื่ม ทำอาหารดีๆให้แม่กิน มีค่ากว่าจัดอาหารอันประณีตไปวางข้างโลงศพท่าน

โทรศัพท์หรือจดหมาย ไปถามไถ่ท่านบ้าง ดีกว่าจัดงานบุญใหญ่โตอุทิศให้ท่าน

ทำความดีมีความกตัญญูต่อแม่ ขณะมีชีวิตอยู่ ประเสริฐกว่าการสำนึกบุญคุณได้เมื่อท่านตายจากแล้ว

หากพรุ่งนี้ไม่มี...แม่?

ใครจะมาดูแลเรา มาสนใจรักเรา มาเป็นห่วงเป็นใยเราเท่ากับคุณพ่อคุณแม่ ไม่มีอีกแล้วในโลกนี้ รักใดไหนเล่าเท่าแม่รัก เป็นรักที่บริสุทธิ์ใจ เป็นรักที่ยิ่งใหญ่ เป็นรักที่แท้จริง

"อันรักใดไหนเล่าเท่ารักลูก... จิตพันผูกสายเลือดสืบเชื่อสาย... เป็นความรักบริสุทธิ์ดุจใจกาย... เป็นเครื่องหมายประจักษ์รักซื่อตรง..."

อ่านบทความนี้จบแล้วเย็นนี้ไปกราบตักท่าน ไปดูดวงตาท่านสิว่าท่านมีความสุขหรือมีความทุกข์ ไม่ต้องอายในการทำความดี มีอะไรช่วยท่านได้ช่วยเลยอย่านิ่งดูดาย ถ้าวันนี้ไม่แสดงความกตัญญูต่อท่าน อาจจะไม่มีโอกาสตอนที่แม่มีชีวิตอยู่ แล้วจะไปอ้อนวอนตอนที่แม่มีแต่ร่างซึ่งไร้วิญญาณแล้วคงไม่มีความหมาย น้ำเย็นๆสักแก้วเอาไปให้ท่านดื่ม เสื้อผ้าดีๆสักชุด เป็นลูกที่ดีสักคน สามารถต่อชีวิตแม่ได้เป็นปีๆ อย่าเอาไปให้ท่านดื่มตอนที่ท่านไม่มีชีวิตแล้ว มันไม่มีประโยชน์อะไร

"ให้ของขวัญแก่แม่นับแต่นี้... ด้วยทำดีต่อพ่อแม่ตอนแก่เฒ่า... ให้ท่านได้ประจักษ์รักของเรา... ดีกว่าเฝ้าทำบุญให้เมื่อวายชนม์..."

อย่าให้ความสำคัญกับแม่ผู้มีพระคุณเฉพาะในวันแม่ 12 สิงหาคม เท่านั้น แต่จงทำทุกวันให้เป็นวันแม่ เหมือนกับความรักที่แม่มีให้ลูกทุกๆวันตั้งเกิดจนตาย หมั่นดูแลรักษาจิตใจของท่านให้ดี เพราะเราสามารถมีแม่ได้เพียงคนเดียวเท่านั้นในโลกนี้

อย่าปล่อยให้หญิงแก่ๆ คนหนึ่งที่รักเรามากที่สุดในโลก ต้องอยู่ในความโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาที่โหดร้าย ต้องตรอมใจตายเพราะลูกๆที่เธอรักแต่ไม่รักเธอ...