PlayListนี้ เริ่มต้นด้วย "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน" เรียงลำดับตั้งแต่ ตอนแรก ถึง ตอนปัจจุบัน ..ท้ายเพลย์ลิสท์เป็นคลิป "เมื่อศาลรัฐธรรมนูญกระทำขัดรัฐธรรมนูญ : จะทำอย่างไร?" วันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2556 เวลา 13.00 - 16.00 น. ห้องกมลทิพย์ ชั้น 2 โรงแรมสุโกศล (สยามซิตี้เดิม) คลิปนี้..วิทยากร รศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความคิดเห็นเริ่มนาที 0:14:24
คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...
หรือคลิกที่นี่.. @ AsiaUpdate "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน"

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554

76 อิอิ...มาแล้วๆ ของฝากที่ใครๆไม่อยากได้

@ 4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"
@ "พนัส ทัศนียานนท์" อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มธ.โต้15คำถามของอธิการนาซี และ แถลงการณ์กลุ่มทนายความและนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน
@ ดูกันชัดๆๆๆๆๆ คำพิพากษาศาลฯยกฟ้อง ยึดและควบคุมอำนาจการปกครองแผ่นดิน19ก.ย.2549 แล้วผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง
@ 026 โตไปไม่โกง???
@ 61> เปิดคำวินิจฉัยผู้พิพากษาเสียงส่วนน้อย ปฏิเสธอำนาจคณะรัฐประหาร!!!!!
@ 01 คุณปูครับ...ปรับเปลี่ยนงาน ปชส.ของรัฐบาลและ ศปภ.ได้แล้ว
@ 68> นายกฯปูเฉียบขาด งัดม.31พ.ร.บ.ป้องกันฯยึดอำนาจ กทม.
@ 02 ไอ้ชาติห-มาตัวไหนใส่ร้ายนายกฯปู มานี่มาดูให้เต็มตา...
@ Pictures...Bangkok Underwater 26 October 2011






อิอิ...มาแล้วๆ ของฝากที่ใครๆไม่อยากได้
By: ธนวุฒิ ดุษฎีปัญจพร

นับจากวันแรกที่ออกมาลืมตาดูโลก จากเด็กทารกนอนดิ้นกระแด่วๆจนพลิกคว่ำคืบคลานยืดตัวลุกขึ้นยืนแล้วก็เดินวิ่ง ผ่านวัยเด็กวัยหนุ่มวัยฉกรรจ์จนถึงวัยเกษียณ ผ่านแล้งผ่านฝนผ่านร้อนผ่านหนาว เฮ้อ!!...คิดหวนย้อนกลับไปใจมันหายแว้บ มันเหมือนเพิ่งผ่านมาเมื่อวันวานนี่เอง แป๊บเดียวจริงๆวัยทองก็มาเยือน 64 ปีเข้าไปแล้ว และชีวิตนี้ไม่นึกไม่ฝันว่าตัวเองจะได้รับเกียรติให้ดำรงตำแหน่งราษฎรเต็มขั้น รับเงินเดือนเบี้ยยังชีพจากรัฐบาลเดือนละ 500 บาท ซึ่ง รบ.คุณปูจะเพิ่มให้เป็นเดือนละ 600 นี่คือของฝากที่เต็มใจอยากได้...อิอิ

แต่ของฝากที่ไม่อยากจะได้นี่สิมันแสบทรวงนัก ในวัยทองวัยชราผมได้รับของฝากที่ไม่อยากได้ 4-5 โรคแล้วครับ

เริ่มจากดวงตาทั้ง 2 ข้างเป็นโรคต้อหินและโรคต้อกระจก ดวงตาข้างซ้ายคุณหมออุดม ภู่วโรดม แผนกตา รพ.นพรัตนฯ ผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาให้แล้ว เหลือแต่ดวงตาข้างขวาคุณหมอรุจยา ด่านอุตรา เฝ้าดูอาการอยู่ ถ้าไม่ไหวก็ต้องผ่าตัดกันอีก (คุณหมอรุจยารักษาต่อจากคุณหมออุดมซึ่งท่านย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา) ทุกวันนี้ผมต้องใช้ยา Timodrop Eye Solution 0.5% หยอดตาทุกเช้า-เย็นเพื่อปรับความดันลูกตาทั้งซ้าย-ขวา 2 ข้าง

โรคความดันโลหิตสูง คุณหมอวศินี ปิยะดำรงตระกูล ศูนย์บริการสาธารณสุข 45 ร่มเกล้า ให้ผมกินยาทุกๆวันตลอดชีวิต ยา Propranolol 10 mg. หลังอาหารเช้า-เย็น ครั้งละ 1 เม็ด, ยา Hydrochlorothiazide 25 mg. หลังอาหารเช้า 1 เม็ด และยา Simvastatin 10 mg. ก่อนนอนอีก 1 เม็ด ล่าสุดวันที่ 12ต.ค.54 ความดันโลหิตของผมอยู่ที่ 125/83 ชีพจร 74 ผ่านไปได้สบายๆ

มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจะเล่าแถมให้ฟัง(อ่าน) ผมมีเพื่อนเป็นคุณหมอตอนนี้ปลดเกษียณไม่ได้รักษาคนไข้แล้ว เพื่อนคนนี้บอกว่ายากินหลังอาหารนี่ให้กินก่อนกินข้าวได้เลยไม่มีอันตรายใดๆ ที่ระบุไว้อย่างนั้นเพราะคุณหมอกลัวว่าคนไข้จะลืมกินยานั่นเอง แล้วอีกเรื่องนึงสำหรับคนไข้ที่คุณหมอห้ามกินไอ้นั่นห้ามกินไอ้นี่ เพื่อนคนนี้บอกว่าให้กินให้หมดทุกอย่างที่คุณหมอสั่งห้าม สั่งห้ามกินอะไรก็กินไอ้ที่สั่งห้ามนั่นแหละกินให้หมดกินทุกอย่างที่คุณหมอสั่งห้ามเลย แต่มีข้อแม้อย่ากินบ่อยและต้องกินน้อยๆอย่ากินเข้าไปมาก กินพอรู้รสพอหายอยากก็พอ เพราะทุกวันนี้เราหรือทุกๆคนส่วนมากจะกินอาหารจานด่วนตามสั่ง กินข้าวผัดกุ้งปลาหมึกก็มีกุ้ง 2-3 ตัวปลาหมึกตัวเล็กๆ 1 ตัวเท่านั้นไม่มากมายกินเข้าไปเถอะไม่เป็นอันตรายใดๆ แต่ถ้ากินต้มยำกุ้งต้มยำปลาหมึกเป็นหม้อๆนั่นแหละความดันโลหิตพุ่งปรี๊ดเลยอันตรายๆ

แล้วเพื่อนคนนี้ก็อธิบายเพิ่มเติมว่า ตัวเราเองบรรพบุรุษพ่อแม่ของเราสอนให้เรากินให้เรารับโปรตีนจากเนื้อสัตว์น้ำเนื้อสัตว์บกมาตั้งแต่เกิด ร่างกายของเราก็ปรับให้รับโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ถ้าเราไม่กินไม่รับโปรตีนจากเนื้อสัตว์ร่างกายจะเอาโปรตีนมาซ่อมแซมส่วนสึกหรอได้จากที่ไหน แต่ถ้าบรรพบุรุษพ่อแม่ของเราสอนให้เรากินให้เรารับโปรตีนจากพืชมาตั้งแต่เกิด ร่างกายของเราก็ปรับให้รับโปรตีนจากพืชด้วยเช่นกัน เพื่อนคนนี้บอกต่อไปว่าเพราะเป็นเพื่อนสนิทกันจึงบอกให้รู้ แต่จะให้บอกคนไข้ทั่วๆไปไม่ได้ เพราะมนุษย์เรามีระดับความรู้ความเข้าใจต่างกัน กลัวว่าจะเข้าใจผิดว่าที่สั่งห้ามไม่ให้กินน่ะให้กินให้หมดได้อย่างนั้นคุณหมอก็เสียคนนะสิ ทุกวันนี้ตัวผมเองก็กินทุกอย่างที่คุณหมอสั่งห้ามเหมือนกันแต่ไม่กินบ่อยอาทิตย์ครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น ถ้ากินก็กินแต่น้อยๆไม่กินมากกินพอรู้รสพอหายอยากและก็กินยาที่คุณหมอให้มาทุกๆวันไม่ขาด ความดันโลหิตของผมจึงอยู่ที่ 125/83 ชีพจร 74 บวกลบ5ขึ้นๆลงๆประมาณนี้แหละครับ

โรคปวดแขนข้างซ้ายอาการเหมือนเป็นตะคริว พอเอี้ยวคอจะเจ็บแขนและชาลงปลายมือ คุณหมอสมบูรณ์ สหจารุพัฒน์ แผนกศัลยกรรมกระดูกฯ รพ.นพรัตนฯ บอกว่ากระดูกต้นคอเสื่อม ต้องทำกายภาพบำบัด และกินยา Gabapentin 100 mg. หลังอาหารเช้า-กลางวัน-เย็น ครั้งละ 1 เม็ด, ยา Vitamin B1-6-12 หลังอาหารเช้า-เย็น ครั้งละ 1 เม็ด, ยา Biocalm 50 mg. หลังอาหารเช้า-เย็น ครั้งละ 1 เม็ด, ยา Naproxen 250 mg. หลังอาหารเช้า-เย็น ครั้งละ 1 เม็ด และยา Analgesic Balm ทาแขนข้างซ้ายเช้า-เย็น คุณหมอนัดตรวจอีกครั้งวันที่ 11พ.ย.54 และคุณหมอณัฐกานต์ บุญมามณี แผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟูฯ รพ.นพรัตนฯ นัดตรวจและทำกายภาพบำบัดวันที่ 17,18,20,25,27,31ต.ค.54 และวันที่ 1,3,7,8,10,14,15,16พ.ย.54 ด้วยการประคบคอโดยให้นอนหงายใช้ผ้าขนหนูห่อแผ่นร้อนหนุนคอ, กระตุ้นไหล่แขนที่ปวดด้วยคลื่นไฟฟ้า และนั่งเก้าอี้ดึงคอ

ของฝากที่ไม่อยากได้ล่าสุดก็โรคไซนัสอักเสบ มีน้ำมูกอัดแน่นตรงรูจมูกอึดอัดจนหายใจไม่ออก ต้องอ้าปากหายใจแทน รู้สึกเหม็นกลิ่นผักเน่าๆในจมูก ใบหน้าใต้ขอบตาด้านซ้ายบวมและปวดรอบๆเบ้าตาข้างซ้ายมีน้ำตาไหล คุณหมอสมพงษ์ วาจาจำเริญ แผนกหูคอจมูก รพ.นพรัตนฯ นัดตรวจ 18ต.ค.54 หลังจากตรวจและส่งไปเอกซเรย์จมูกและปากช่องคอ 2 ฟิล์มคุณหมอบอกว่าผมเป็นโรคไซนัสอักเสบที่จมูกข้างซ้าย และสั่งยาให้กิน 3 ขนาน ยา Amoksiklav 1 gm.(875+125) หลังอาหารเช้า-เย็น ครั้งละ 1 เม็ด, ยา Maxiphed 60 mg. หลังอาหารเช้า-เย็น ครั้งละ 1 เม็ด และยา Loratadine หลังอาหารเช้า ครั้งละ 1 เม็ด คุณหมอนัดตรวจอีกครั้งวันที่ 25 ต.ค.54

คงเป็นกรรมเก่าเน๊อะๆ..ตอนหนุ่มๆแน่นๆไม่เคยป่วยเป็นอะไร พอแก่ตัวลงชีพจรก็ลงเท้าเดินเข้าเดินออกทัศนาจร รพ.เกือบจะทุกวัน ตื่นเช้าขึ้นมาก็ยา..ยา..ยา..ยา.. สายบ่ายเย็นค่ำมืดดึกดื่นก่อนเข้านอนก็ยา..ยา..ยา..ยา.. ราษฎรเต็มขั้นรับเงินเดือน 500-600 อย่างเราไม่ต้องคิดไม่ต้องอยากกินอะไรที่อร่อยๆปากกันแล้ว วันๆกินยาเป็นกำมืออิ่มแทนข้าวไปเลย...อิอิ

@ งานนี้...ไม่ใครๆหรือผมเอง ก็ไม่พ้นภาวะเครียด กับมัน!! คลิกที่นี่...

ในคลิปตอนต้นเป็นการวัดความดันโลหิต ตอนท้ายๆเป็นการทำกายภาพบำบัดด้วยการประคบคอโดยให้นอนหงายใช้ผ้าขนหนูห่อแผ่นร้อนหนุนคอ, กระตุ้นไหล่แขนที่ปวดด้วยคลื่นไฟฟ้า และนั่งเก้าอี้ดึงคอ


วิธีสังเกตอาการมะเร็ง 15 ประเภท
By: HealthHealth

ใครๆก็รู้ว่าโรคมะเร็งถือเป็นโรคร้ายที่ใครๆต่างก็กลัวเกรง มันคร่าชีวิตผู้คนในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก หากเรารู้จักตรวจสอบสุขภาพด้วยตนเองไว้เบื้องต้นอาการของมะเร็งก็จะไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงจนถึงชีวิตและทำให้ต้องเสียทรัพย์สินมากมาย

อาการของการเกิดมะเร็งในอวัยวะต่างๆของร่างกายนั้นคุณสามารถสังเกตเห็นได้ ดังต่อไปนี้

1. มะเร็งปากมดลูก อาการมีเลือดออกจากช่องคลอดทั้งๆที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณ อาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นการตรวจโดยขูดเนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ได้

2. มะเร็งในมดลูก อาการมีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่า มีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่องท้อง

3. มะเร็งรังไข่ อาการประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศสัมพันธ์ มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลดและมีอาการปวดหลัง

4. มะเร็งในเม็ดเลือด (ลูคีเมีย) อาการเหนื่อยง่ายและมีอาการซีดเซียวกว่าปกติ มักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว หรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุ และมักจะเกิดร่วมกับอาการปวดตามข้อต่างๆทั่วร่างกาย บางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของช่องท้อง

5. มะเร็งปอด อาการมักมีอาการไอบ่อยๆ มีเลือดออกและมีเสมหะปนมากับน้ำลาย น้ำหนักลดอย่างฮวบฮาบ เจ็บหน้าอกและหายใจลำบาก หรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้งๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

6. มะเร็งตับ อาการปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ตาและผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นได้ชัด

7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการมีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ

8. มะเร็งสมอง อาการปวดศีรษะนานๆ และมักมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่าและเห็นแสงเขียวๆแดงๆลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรงหรือการเป็นลมโดยกะทันหัน อวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงาน เช่น มีอาการชาและเป็นอัมพาตชั่วคราว ควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มีอาการเหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย

9. มะเร็งในช่องปาก อาการมีก้อนบวมอยู่ในปากหรือที่ลิ้นเป็นเวลานาน มีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษา หรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือก เนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำหรือเป็นเวลานาน

10. มะเร็งในลำคอ อาการเสียงแหบพร่าไปทันที มีก้อนบวมในทันที ทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบาก หรือมีการขยายตัวของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึกได้

11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว อาเจียนออกมาเป็นเลือด ท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อยบ่อยรู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้อง หรือรู้สึกตื้อแม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ

12. มะเร็งทรวงอก อาการมีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวม หรือผิวเนื้อทรวงอกหนาขึ้นมีก้อนบวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้ บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิดขึ้นที่เต้านมเป็นเวลานาน ควรระวังเพราะผู้หญิง 9 ใน 10 คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอกโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียกว่า ซีสต์ ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกันแน่

13. มะเร็งลำไส้ อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว มีอาการปวดท้องอย่างมาก และระบบการย่อยผิดปกติ มีเลือดออกปนมากับอุจจาระ

14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง อาการมีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้เกิดอาการติดเชื้อในบางส่วนของร่างกาย

15. มะเร็งผิวหนัง อาการมีแผลหรือแผลเปื่อยพุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานาน ตลอดจนไฝหรือหูดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง ขนาด นอกจากนี้ อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า เมลาโนมา (Melanoma) คือ เนื้องอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่ เช่น กระ จุดด่างหรือไฝ โดยเฉพาะถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50 เม็ดทั่วร่างกายหรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติ