เด็กกับการเล่นทราย
อย่าเพิ่งด่วนสรุปไปว่าเล่นทรายแล้ว ลูกจะเลอะเทอะหรือทรายจะเข้าตาลูก เพราะเด็กทุกยุคทุกสมัยมาชอบเล่นทรายกันทั้งนั้น ข้อหาว่าทรายทำให้เนื้อตัวเลอะเทอะ เล่นเสร็จปัดเนื้อปัดตัวหรืออาบน้ำให้ลูกก็หายได้ หรือหากกลัวทรายเข้าตาลูก เล่นทรายเปียกจะแก้โจทย์นี้ได้ หากเพียงข้อหาแค่นี้แล้ว เราไปกำจัดไม่ไห้ลูกเล่นทราย ก็น่าเสียดายแย่ เพราะเท่ากับไปตัดโอกาสที่ลูกจะได้รับประโยชน์มากมายจากทรายเชียวนะ
ช่วยพัฒนาประสาทสัมผัส
เม็ดทรายมีหลายขนาด และเมื่อสัมผัสก็จะให้ความรู้สึกแตกต่างกัน ทรายเม็ดใหญ่ หากใช้มือจับหรือกำจะให้ความรู้สึกสาก แต่หากเป็นทรายเม็ดเล็กๆ หรือเป็นทรายแป้ง จะให้ความรู้สึกเหมือนสัมผัสแป้งและรู้สึกสากเพียงเล็กน้อย เมื่อมือลูกได้รับสัมผัสที่แตกต่างจากทราย สัมผัสที่แตกต่างนี้จะทำให้สมองที่ควบคุมมือทำงาน กระตุ้นให้เส้นใยสมองถักทอสู่กัน
ช่วยเสริมสร้างจินตนาการ
สังเกตเวลาเด็กๆนั่งเล่นทรายแล้วลองถามเขาสิว่า เขาทำอะไรอยู่ บางคนก็จะบอกว่าสร้างบ้าน ทำขนม สร้างรถ ทำภูเขา ฯลฯ สารพัดคำตอบ นี่เพราะสมองส่วนสรรค์สร้างจินตนาการกำลังทำงานอย่างปรู๊ดปร๊าดทีเดียว
ข้อดีของสิ่งใกล้ตัวอย่างทราย ก็คือเป็นของเล่นที่ไม่สำเร็จรูป เป็นของเล่นปลายเปิด คือพลิกแพลงได้ ซึ่งเป็นลักษณะที่ดีของของเล่นที่ช่วยกระตุ้นจินตนาการ เด็กๆจะก่อทรายเป็นรูปร่างอะไรก็ได้ตามแต่เขาจะจินตนาการหรือเรียนรู้ พอเกิดจินตนาการ เส้นใยสมองก็จะเกิดขึ้นทันทีเช่นกัน
ช่วยเรียนรู้รูปทรง
เพราะทรายก่อรูปได้ง่าย และเปลี่ยนเป็นรูปทรงนั่นนี่ได้ง่าย จึงเหมาะต่อการนำมาสอนเรื่องรูปทรง เช่น หากคุณพ่อคุณแม่จะสอนเรื่องรูปทรง สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม ฯลฯ ก็เอาแม่พิมพ์รูปทรงเหล่านี้มาให้เด็กๆเล่นกับทราย หรือเรียนเรื่องสัตว์ก็เอาแม่พิมพ์รูปปลา ปู ฯลฯ มาให้เล่น การเรียนรู้รูปทรงแบบนี้ เป็นการเรียนรู้แบบสามมิติ ในขณะที่การวาดภาพบนกระดาษให้ลูกดูนั้น เป็นการเรียนรู้แบบสองมิติ
ฝึกการทำงานประสานกันของมือกับสายตา
มิติสัมพันธ์ จากการที่ลูกเททรายเข้าออกจากภาชนะ การก่อรูปทรงต่างๆ หรือการที่ลูกได้ลุกขึ้นยืน นั่ง ก้มๆ เงยๆ ตักทราย ตักน้ำ เป็นการฝึกหัดกำลังมือ แขน ขา และลำตัวให้แข็งแรง การทรงตัวก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะได้ก้มตัวมาข้างหน้า หรือเอียงตัวไปยกของ ซึ่งกล้ามเนื้อจะต้องทำงานให้สมดุลเพื่อรั้งตัวไว้ไม่ให้ล้ม พูดได้ว่าแค่กระบะทรายใกล้ตัวนี้จะช่วยพัฒนาลูกได้มากมาย ได้อย่างที่ของเล่นแพงๆบางชิ้นให้ไม่ได้เลย
ทำกระบะทรายให้ลูกเล่น
หากละแวกบ้านไม่มีทรายให้ลูกเล่น สวนสาธารณะบางที่ก็จัดกระบะทรายไว้ให้เด็ก แต่อาจเสี่ยงที่น้องหมาจะไปอึจับจองพื้นที่ ขอแนะนำให้ลองทำกระบะทรายให้ลูกเล่นที่บ้าน หาพื้นที่สัก 1x1 เมตร เพื่อให้มีพื้นที่ให้ลูกเล่นได้กว้างพอ หาไม้มาตีขอบให้เป็นกรอบสี่เหลี่ยม (หากไม่ต้องอยากให้ทรายกระจายมาก ก็รองพื้นด้วยผ้ายางพลาสติกก่อน) ซื้อทรายก่อสร้างเทลงไปในปริมาณที่เห็นว่าลูกเล่นแล้วสนุก หรือหากไม่มีพื้นที่จริงๆ ก็นำกะละมังใบย่อมๆ สัก 1 ใบ ใส่ทรายลงไปสักพอปิ่มๆขอบ หากระป๋องนม ขวดน้ำพลาสติก ช้อน ทัพพีเก่าๆ หรือของเล่นเข้ามาช่วยในการสร้างหรือขุด ไม่ว่า รถตัก พลั่ว หรือ ถังทราย เป็นตัวช่วยให้ลูก รับรองว่าลูกนั่งเล่นได้ทั้งวันจนเรานึกไม่ถึงเลยล่ะ
อยากเชียร์ให้แต่ละบ้านมีกระบะทรายฝีมือพ่อหรือแม่ติดบ้านไว้ ของเล่นง่ายๆ นี่แหละ เอาลูกอยู่หมัดเลยล่ะ แต่มีข้อควรระวังอยู่นิดหนึ่งว่า คุณพ่อคุณแม่ต้องดูลูกเล่นอยู่ใกล้ๆ เพื่อระวังไม่ให้ลูกหยิบทรายใส่ปาก หรือโยนเล่นจนกระเด็นเข้าตา รวมถึงดูแลความสะอาดของทรายด้วย
เล่นทรายกับลูก: นอกจากหาอุปกรณ์ของเล่นมาให้ลูกเล่นกับทรายแล้ว เด็กๆจะสนุกและได้เรียนรู้มากขึ้นหากพ่อแม่ร่วมเล่นกับเขาด้วย
น้ำหายไปไหน: เอานำมาสักขวด แล้วเทลงไปในทราย ลูกจะค่อยๆเห็นน้ำซึมลงไปในทราย น้ำหายไปกับตา และทำให้ทรายเปียก เมื่อทรายเปียกน้ำเขาจะเล่นได้สนุกกว่าทรายแห้ง เพราะทรายจับตัวกันดีกว่า
มือหนูอยู่บนทราย: ชวนลูกปั๊มนิ้วทั้ง 5 ลงบนทรายเปียก หรือจะเอาพิมพ์รูปทรงอื่นกดลงบนทรายให้เป็นรูปร่างก็ได้...สนุกหมด
สร้างหมู่บ้านของเรา: ตั้งโจทย์ให้ลูกก่อทรายสร้างหมู่บ้านในจินตนาการว่า เขาอยากให้หมู่บ้านเป็นแบบไหน มีอะไรบ้างในหมู่บ้านนั้น
กระดานทราย: ชวนลูกวาดรูปหรือเขียนคำลงบนทราย วาดเสร็จก็ชวนลูกตกแต่งภาพที่ได้ เช่น ใช้ก้อนหิน ใบไม้ กิ่งไม้มาตกแต่ง หรือวาดตัวการ์ตูนที่เขาชอบ เด็กๆ จะสนุก เพราะสามารถลบได้ เขียนใหม่ได้เหมือนเขียนบนกระดานดำเลย
ปราสาททรายฝีมือหนู: ชวนลูกสร้างปราสาททรายสูงๆ ให้ตื่นตาตื่นใจ โดยคุณพ่อคุณแม่เริ่มต้นแล้วให้ลูกเป็นลูกมือต่อเติม
เดินบนทราย: ขณะเล่นบนทรายนั้น ลูกควรถอดรองเท้า ให้เท้าเปล่าของลูกได้สัมผัสทรายทราย จะช่วยพัฒนาประสาทสัมผัสที่เท้าด้วย และยังเป็นการนวดเท้าให้ลูกด้วย ทำให้เท้าของลูกรู้สึกผ่อนคลาย และเด็กจะรู้สึกสนุกกับการเดินด้วยเท้าเปล่ามากกว่าใส่รองเท้าบนพื้นทราย
อะไรไม่รู้เข้าตา
แรกเริ่มเลยเมื่อมีอะไรก็ไม่รู้เข้าตา สิ่งที่คุณต้องทำก็คือล้างตาในน้ำสะอาด น้ำสะอาดที่ว่านี้ก็ดังเช่นน้ำดื่มบรรจุขวดหรือน้ำต้ม(ที่ทิ้งไว้จนเย็นแล้ว) ถ้าคุณใส่ Contact Lens ก็ให้เอาออกก่อน
การล้างตาที่ทำได้ก็อาจจะหาขัน มาใส่น้ำแล้วเอียงตาให้จุ่มในน้ำ จากนั้นลืมตาในน้ำแล้วมองขึ้นบนลงล่างซ้ายขวาซ้ายขวา ABAB Select Start กลอกตาไปรอบๆให้ตามาสัมผัสน้ำ
ล้างสักครั้งสองครั้งแล้วก็ดึงเปลือกตาล่างส่องกระจกดู ว่ามีอะไรติดอยู่ไหม ตำแหน่งที่มีฝุ่นไปติดได้บ่อยๆก็คือตำแหน่งตามภาพนี้คือ ที่หัวตาและเปลือกตาล่าง ล้างสักครั้งสองครั้งแล้วก็ดึงเปลือกตาล่างส่องกระจกดูว่ามีอะไรติดอยู่ไหม ตำแหน่งที่มีฝุ่นไปติดได้บ่อยๆก็คือตำแหน่งตามภาพนี้คือ ที่หัวตาและเปลือกตาล่าง
ฝุ่นใช้ไม้พันสำลี'ชุบ'น้ำสะอาดแตะที่สิ่งแปลกปลอมแล้วเขี่ยออก จากนั้นพลิกเปลือกตาบนส่องดู ถ้าเจอสิ่งแปลกปลอมก็เขี่ยออกด้วยไม้พันสำลี'ชุบ'น้ำเช่นกัน
คำถาม : ทำไมต้องพลิก?...พลิกเปลือกตาบนพลิกยาก แค่ดึงตึงๆออกมาดูไม่ได้เหรอ
คำตอบ : ไม่ได้ เพราะว่าการดึงมาข้างหน้าตรงๆ สิ่งแปลกปลอมจะไหลเข้าไปลึกยิ่งขึ้นจนมองไม่เห็น ทำให้เข้าใจผิดว่าไม่มีสิ่งแปลกปลอมค้างอยู่ได้
คำถาม : แล้วพลิกอย่างไร ไม่เห็นพลิกได้เลย
คำตอบ : ต่อไปนี้คือวิธีพลิก อุปกรณ์ที่ต้องใช้คือ ไม้พันสำลี 1.ใช้ไม้พันสำลี แตะกดที่เปลือกตาบนเบาๆ 2.ใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งจับที่ขอบตาบนส่วนที่เป็นขนตาและผิวหนัง 3.ตามองลงล่าง 4.ดึงหนังตาออกมาเล็กน้อยพร้อมกันนั้นหมุนไม้พันสำลีให้ตวัดขึ้น 5.หาสิ่งแปลกปลอมที่ติดอยู่ ถ้ามีใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำแตะเขี่ยออก 6.เมื่อเสร็จแล้วก็เพียงแค่มองเหลือบตาขึ้น เปลือกตาก็จะพลิกกลับมาเป็นปกติเอง
ระวัง! ฝุ่นผงเข้าตา
ชายคนหนึ่งรู้สึกระคายเคืองที่ตา ซึ่งเขาคิดว่าเป็นผงหรือฝุ่นเข้าตา จึงขยี้ตาเพื่อเอาฝุ่นออก
แต่ตาของเขาเริ่มแดง จึงไปซื้อยาล้างตามาหยอด หวังว่าฝุ่นจะออกจากตา
แต่ก็ไม่หาย...
ด้วยความระคายเคือง...จึงขยี้อีก แต่ตากลับยิ่งบวมและแดง...หลายวันผ่านไปตาหายแดงและบวม
เขาจึงตัดสินใจไปพบแพทย์
แพทย์ตัดสินใจขอผ่าตัด เพราะเกรงจะเป็นเนื้องอกได้
แต่ผลของการผ่าตัด..."หนอนตัวหนึ่ง"
เนื่องจากสิ่งที่ปลิวเข้าตานั้น ที่แท้เป็นไข่ของแมลง เข้าไปเจริญเติบโตในตา
ดังนั้นหากมีปัญหาฝุ่นเข้าตาและฝังแน่น ทำอย่างไรก็ไม่ยอมออกจนผิดปกติ
!!! ให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที ก่อนที่คุณจะเป็นดังภาพนี้