PlayListนี้ เริ่มต้นด้วย "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน" เรียงลำดับตั้งแต่ ตอนแรก ถึง ตอนปัจจุบัน ..ท้ายเพลย์ลิสท์เป็นคลิป "เมื่อศาลรัฐธรรมนูญกระทำขัดรัฐธรรมนูญ : จะทำอย่างไร?" วันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2556 เวลา 13.00 - 16.00 น. ห้องกมลทิพย์ ชั้น 2 โรงแรมสุโกศล (สยามซิตี้เดิม) คลิปนี้..วิทยากร รศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความคิดเห็นเริ่มนาที 0:14:24
คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...
หรือคลิกที่นี่.. @ AsiaUpdate "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน"

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554

55 สัมภาษณ์ท่านนายกฯทักษิณ ทาง ABC News

ถ่ายทอดสดปราศรัยใหญ่พรรคเพื่อไทย ทุกจังหวัด ..คลิกที่นี่..
หรือคลิกที่นี่... หรือคลิกที่นี่...
การจัดฉาก สร้างภาพ ตามท้องถนน ควรหยุดได้แล้ว..คลิกที่นี่..
Clipปราศรัย นนทบุรีและตลาดบ่อหลา 3-06-54 คลิกที่นี่...

Playlist เลือกดูได้... ณัฐวุฒิVSชำนิ, มิ่งขวัญ, ณัฐวุฒิ สิงห์บุรี2-06-54, ณัฐวุฒิ นนทบุรี3-06-54, เฉลิม,เชาวรินทร์,หมวดเจี๊ยบ,ณัฐวุฒิ บ่อหลา บางแค3-06-54, ดร.อภิวันท์,ณัฐวุฒิ,ยิ่งลักษณ์ ชลบุรี4-06-54, ณัฐวุฒิแถลงข่าว3-06-54, ก็ป้าเค้าแดงตัวจริง มาร์คเอ๊ย!!, สรยุทธสัมภาษณ์ หญิงเหล็กยิ่งลักษณ์9-06-54, ณัฐวุฒิ,เฉลิม,อภิวันท์,ยิ่งลักษณ์ ท่ามะกา 11-06-54


ทักษิณสัมภาษณ์เอบีซีนิวส์ มั่นใจเพื่อไทยชนะขาดเลือกตั้ง
By: http://networkedblogs.com/ixdHH
Tue, 2011-05-31 19:36

ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์แห่งชาติออสเตรเลีย (เอบีซี) มั่นใจ หากลงคะแนนพรุ่งนี้ เพื่อไทยชนะขาดแน่นอน

โดยผู้สื่อข่าวเอบีซีถามถามว่า เป็นไปได้อย่างที่พรรคเพื่อไทยซึ่งขณะนี้ เป็นพรรคฝ่ายค้าน จะชนะเลือกตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่าจากผลสำรวจของหลายสำนัก เขาเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยชนะได้เสียงข้างมาก โดยเขากล่าวว่า ความนิยมของพรรคเพื่อไทยขณะนี้สูงกว่าก่อนหน้าที่พรรคพลังประชาชนจะถูกยุบ ซึ่งขณะนั้นพรรคมีคะแนนเสียงในสภาอยู่ 230 เสียง หากการเลือกตั้งมีขึ้นในวันพรุ่งนี้เพื่อไทยจะชนะอย่างเด็ดขาด

เขากล่าวด้วยว่า พรรคเพื่อไทยนั้นพร้อมและเป็นฝ่ายเสนอแนวทางสมานฉันท์ แม้ว่าที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยจะเป็นเหยื่อของความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมาก็ตาม

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวถามถึงความเป็นไปได้ว่า แม้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแต่ไม่ชนะขาด แต่ก็อาจจะไม่ได้ตั้งรัฐบาล และพรรคประชาธิปัตย์อาจจะสามารถตั้งรัฐบาลผสมได้จากการรวมตัวกับพรรคเล็ก ซึ่งน่าจะมีความเป็นไปได้อย่างยิ่ง

ทักษิณกล่าวว่า เขายังคงมองโลกในแง่ดี เขาเชื่อว่า เพื่อไทยจะชนะขาดถ้าการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ และตามหลักการประชาธิปไตยแล้ว พรรคที่ได้คะแนนเสียงข้างมากย่อมมีความชอบธรรมที่จะได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน เว้นเสียแต่ว่าจะมีการใช้กำลังบังคับ ซึ่งก็จะสร้างความขัดแย้งในประเทศขึ้นมาอีกครั้ง

ทักษิณกล่าวปฏิเสธการเป็นผู้นำพรรค เพียงแต่อยากเห็นพรรคเพื่อไทยประสบความสำเร็จ และใช้ประสบการณ์ในฐานะที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และประสบการณ์จากการเดินทางไปรอบโลกมาแนะนำแนวทางให้กับคนในพรรคเท่านั้น และพรรคเพื่อไทยก็มีทีมของตัวเองในการกำหนดนโยบาย และเขากล่าวว่า มีนโยบายหลายอย่างสำหรับกลุ่มคนที่หลากหลาย เช่น นโยบายด้านการศึกษา เยาวชน เป็นต้น

เขากล่าวยืนยันด้วยว่า นโยบายของเขาไม่ใช่แค่การนำเสนอเพื่อเรียกคะแนนนิยมเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้พรรคได้รับความนิยมก็เพราะ พรรคสามารถทำตามสิ่งที่พูด เช่น นโยบาย 1 หมู่บ้าน หนึ่งล้านบาท หรือนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค

สำหรับความเหมาะสมของยิ่งลักษณ์ ในฐานะที่เป็นผู้เข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ทักษิณกล่าวว่ายิ่งลักษณ์มีความเหมาะสมในแง่การศึกษา และประสบการณ์การทำงานกับองค์กรธุรกิจที่มีผลกำไรถึง 5,000 ล้านบาท และฐานะผู้หญิง ยิ่งลักษณ์ ก็มีความเหมาะสมในการทำงานเชิงสมานฉันท์

แม้ว่ายิ่งลักษณ์จะไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง แต่ทักษิณกล่าวว่า เขาเองก็เคยไม่มีประสบการณ์มาก่อนเช่นกัน และเธอเป็น "ตัวแทนของผม"

ทักษิณอธิบายความหมายที่เคยกล่าวว่าเธอคือ "โคลนนิ่ง" ของเขาว่า ยิ่งลักษณ์คือน้องสาวคนเล็กของเขา ซึ่งเขาส่งเสียให้เรียน สอน และฝึกฝนทักษะในการทำงานมาตลอด ดังนั้นคำว่า โคลนนิ่ง สำหรับเขาแล้ว หมายถึงการมาจากพื้นฐานเดียวกัน มีธรรมชาติที่เหมือนๆ กัน และมีทัศนคติเหมือนๆ กัน และเขากล่าวย้ำอย่างหนักแน่นด้วยว่า "ผมสนับสนุนเธอให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี"

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทักษิณต้องการการอภัยโทษใช่หรือไม่ เขาตอบว่า การสมานฉันท์เป็นความสำคัญอันดับแรก การอภัยโทษนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการสมานฉันท์ แต่สิ่งหนึ่งท่าสำคัญมากที่จะต้องทำในการสมานฉันท์ก็คือการ ปฏิรูปนิติรัฐ เพราะขณะนี้ประเทศไทยไม่ได้อยู่บนแนวทางนิติรัฐตามแนวปฏิบัติสากล และการปฏิรูปนิติรัฐไม่ใช่เพื่อเป้าหมายทางการเมืองเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงความต้องการอภัยโทษ ทักษิณกล่าวตอบว่า "อย่ามาคิดเรื่องผมมากขนาดนั้น ได้โปรดสร้างความเป็นหนึ่งเดียวให้กับประเทศก่อน แล้วผมจะได้รับประโยชน์จากสิ่งนั้น ผมเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งนั้น"

เขากล่าวด้วยว่า ขณะนี้เขาลงตัวกับชีวิตและดำเนินธุรกิจมากมายนอกประเทศ และมีหลายสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว และเมื่อน้องสาวคนเล็กเข้าสู่ตำแหน่งนายกแล้วเขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องกลับสู่ประเทศไทยในฐานะนายกอีก

ผู้สื่อข่าวถามว่า จริงหรือไม่ที่เขาต้องการกลับไทยภายในสิ้นปีนี้ เขาตอบว่าใช่เพราะเขาอยากกลับมาแสดงความจงรักภักดีในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระชนมายุครบ 84 พรรษา

เขากล่าวถึงอนาคตของตนเอง ว่าอยากจะสอนหนังสือ และทำธุรกิจของตัวเอง และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าไม่อยากกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกหรือเขากล่าวว่า ไม่จำเป็นในเมื่อน้องสาวคนเล็กของเขาจะดำรงตำแหน่งนั้นอยู่แล้ว และเงื่อนไขที่จะทำให้เขากลับไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็มีเพียงในกรณีที่เขาจะสามารถสร้างประโยชน์ให้ประเทศได้มากที่สุด และหากประเทศต้องการเขาเท่านั้น หากไม่เช่นนั้นแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลับไปดำรงตำแหน่งอีก

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทักษิณคือสัญลักษณ์ของคนเสื้อแดง เขาไม่คิดหรือว่าตัวเขาเองคือปัญหาที่สร้างความแตกแยก ความเกลียดชัง

เขาตอบว่า ต้องให้ความยุติธรรมแก่เขาด้วย เพราะระบบยุติธรรมสองมาตรฐานนั้นมีอยู่ ประชาชนเกลียดความไม่ยุติธรรม ไม่ชอบรัฐประหาร พวกเขาต้องการที่จะหยุดยั้งสิ่งที่เขาเกลียดชัง คุณต้องทำให้ระบบยุติธรรมดำเนินไปได้ และทำให้เกิดการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยต้องการ

เขากล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากการพิจารณาคดีของศาล ก็จะเห็นเองว่าระบบยุติธรรมไทยนั้นไม่ได้ดำเนินไปตามหลักกฎหมาย เพียงแต่รับใช้การเมืองเท่านั้น

เมื่อทหารทำการรัฐประหาร และประกาศนิรโทษกรรมให้ตัวเองได้ แต่ไม่มีทางที่รัฐบาลประชาธิปัตย์จะนิรโทษให้กับฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ทั้งนี้ การนิรโทษกรรมก็เป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงเช่นกันว่าควรจะเป็นไปอย่างไร

อย่างไรก็ตาม ทักษิณกล่าวว่าในเบื้องต้น เสียงที่จะต้องฟังก็คือคนที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมือง เช่นคนที่บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต

ผู้สื่อข่าวถามถึงความรู้สึกส่วนตัวของทักษิณต่อสิ่งที่เกิดขึ้นจากการสลายการชุมนุมเมื่อปีที่แล้ว เขากล่าวว่า เขาเสียใจมากต่อผู้เสียชีวิตทั้งฝ่ายผู้ชุมนุมและทหาร และว่าไม่ควรมีสิ่งแบบนี้เกิดขึ้น เพราะเราคือคนไทย เราควรจะมีการเจรจา แต่การเจรจากลับไม่เกิดขึ้น และสิ่งที่รัฐบาลปฏิบัตินั้นมันไม่เป็นธรรม และมีแต่สร้างความโกรธแค้นมากยิ่งขึ้น.


"ทักษิณ"สัมภาษณ์สื่อออสซี่-ยันไม่กลับมาเป็นนายกฯ, เชื่อมั่น"น้องปู"ชนะเลือกตั้งถล่มทลาย
By: http://www.khaosod.co.th

เมื่อวันที่ 31พ.ค.54 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ว่า เมื่อวันที่ 30พ.ค. ที่ผ่านมา รายการเลตไลน์ ทางสถานีโทรทัศน์เอบีซี ประเทศออสเตรเลีย เผยแพร่เทปสัมภาษณ์พิเศษ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งเปิดบ้านพักในนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พูดคุยกับ โซอี้ แดเนียล ผู้สื่อข่าวเอบีซีประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยืนยันไม่มีความประสงค์จะกลับมาดำรงตำแหน่งนายกฯไทยอีกครั้ง เพราะชีวิตบั้นปลายยังอยากเป็นอาจารย์กับเล่นกอล์ฟเหมือนเช่นเดิม และว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาววัย 43 ปี ไม่ใช่หุ่นเชิดของตน แต่เป็น "โคลนนิ่ง" ที่ถอดแบบมาจากตนในเรื่องของพื้นเพทางวัฒนธรรม ความคิด ทัศนคติ วิธีคิดต่างๆ

เอเอฟพีแจ้งว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณแสดงความมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะชนะการเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค.นี้อย่างแน่นอน นอกจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุด้วยว่า ถ้าสถานการณ์ในประเทศไทยเป็นปกติจะกลับเมืองไทยก่อนสิ้นปีนี้

สำหรับบทสัมภาษณ์บางส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ปรากฏอยู่ในเว็บไซต์สถานีเอบีซี
http://www.abc.net.au/pm/content/2011/s3231020.htm
และ http://www.abc.net.au/news/stories/2011/05/30/3231058.htm

แปลเนื้อหาได้ดังนี้

โซอี้ แดเนียล : การเลือกตั้งเดือนหน้า ฝ่ายค้าน (เพื่อไทย) ชูสโลแกน "ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ"

พ.ต.ท.ทักษิณ : ผมอาจมีอิทธิพลในเรื่องของแนวคิด เพราะผมมีประสบการณ์มากกว่าคนอื่นๆ และผมก็อยากให้พวกเขาประสบความสำเร็จ ด้วยการแบ่งปันประสบการณ์ในฐานะอดีตนายกฯ และคนที่เดินทางมาแล้วทั่วโลก

แดเนียล : มีเหตุผลพอไหม ถ้าจะบอกว่าการลงคะแนนเลือกเพื่อไทยก็คือเลือกทักษิณ หรือถ้าไม่ใช่ลงคะแนนเพื่อทักษิณ ก็ลงคะแนนเพื่อนโยบายกับแนวคิดของคุณ

พ.ต.ท.ทักษิณ : ผมคิดว่าเป็นการลงคะแนนเพื่อนโยบายมากกว่า

จากนั้น แดเนียลบรรยายว่า นับตั้งแต่เกิดรัฐประหารเมื่อ 5 ปีก่อน พ.ต.ท.ทักษิณ มีโอกาสกลับประเทศไทยเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ยังคงเป็นผู้นำของขบวนการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล ที่เรียกว่า คนเสื้อแดง ซึ่งปะทะกับทหารอย่างรุนแรงขณะเกิดเหตุสลายผู้ชุมนุมในกรุงเทพฯเมื่อปีก่อน ล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมารณรงค์หาเสียงให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้เป็นน้องสาวและหัวหน้าฝ่ายค้าน ทั้งยังพยากรณ์ว่าเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งเดือน ก.ค.แบบถล่มทลาย (แลนด์สไลด์ วิกตอรี่) อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า ไม่มีแผนจะ "เทกโอเวอร์" สิ่งต่างๆ จากน้องสาวภายหลังการเลือกตั้งผ่านพ้น

พ.ต.ท.ทักษิณ : น้องสาวผมก็อยู่ที่นั่น (ประเทศไทย) อยู่แล้ว ไม่จำเป็นที่ผมจะต้องกลับไปเป็นนายกรัฐมนตรี

แดเนียล : ยกเว้นเธอเตรียมที่ว่างไว้ให้คุณ

พ.ต.ท.ทักษิณ : ไม่ครับไม่ ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ

แดเนียล : หมายความว่า คุณจะไม่กลับไปเป็นนายกฯ อีกครั้งใช่หรือไม่

พ.ต.ท.ทักษิณ : ถ้าไม่มีเหตุร้ายแรงจำเป็นจริงๆ หรือเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติจริงๆ ผมจะไม่กลับไปเป็น

แดเนียล : ต้องขนาดไหนถึงจะเรียกว่าจำเป็น

พ.ต.ท.ทักษิณ : ถ้าประเทศต้องการผมจริงๆ เพราะผมสามารถเป็น "ทางออก" ของสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งได้ ผมก็จะไป แต่ถ้าไม่ถึงขั้นนั้น ขอความกรุณาเถอะครับผมไม่ต้องการจริงๆ

แดเนียลสลับด้วยการอธิบายถึงปูมหลังของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า อดีตนายกฯไทยรายนี้ยังคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งแตกแยกที่เกิดขึ้นในสังคมไทย และต้องหลีกหนีโทษจำคุก 2 ปีอยู่ต่างแดน พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกกล่าวหาว่าใช้วิธีการนอกกฎหมายปราบปรามกลุ่มค้ายาเสพติด และขณะเป็นรัฐบาลออกนโยบายเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจของตัวเอง ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้อย่างสิ้นเชิง นอกจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ยังปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่า ถ้าชนะเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยมีแผนนิรโทษกรรมนักโทษการเมืองเพื่อนำทักษิณกลับประเทศไทย

พ.ต.ท.ทักษิณ : การปรองดองคือเรื่องสำคัญลำดับหนึ่ง ไม่ใช่การนิรโทษกรรม การนิรโทษกรรมอาจเป็นส่วนของของการปรองดองแต่ไม่ใช่ทั้งหมด

แดเนียล : แต่หนึ่งในผลลัพธ์ที่จะตามมา ก็คือ คุณจะได้รับการนิรโทษกรรมจากข้อหาต่างๆ

พ.ต.ท.ทักษิณ : โปรดอย่าสนใจในตัวผมถึงขนาดนั้น

แดเนียล : แต่ประชาชนสนใจ

พ.ต.ท.ทักษิณ : เราต้องนำความสามัคคี (unity) กลับสู่ประเทศชาติเป็นอันดับแรก แต่ในระหว่างขั้นตอนการนำความสามัคคีกลับมานั้นผมไปมีส่วนร่วมอยู่ด้วย ถ้าอย่างนั้นผมอาจได้ประโยชน์ แต่ผมไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะอยู่ข้างนอกนี่ก็ลงตัวดีพอสมควร

แดเนียลปิดท้ายเทปบทสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า มีแผนจะกลับประเทศไทยประมาณปลายปีนี้ เพื่อร่วมถวายพระพรเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม พ.ศ.2554 และถ้าสถานการณ์จากนั้นมีความเหมาะสมจะพำนักในไทยต่อไป.